"ซิตี้แบงก์" คาด GDP ปี 60 ขยายตัว 3.3% จากเม็ดเงินลงทุนภาครัฐหนุน,เงินเฟ้อ 2.2% มองบาทอ่อนในช่วง 36-37 บาท/ดอลลาร์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 9, 2017 12:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้อำนวยการบริหารอาวุโส ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ระบุว่านักวิเคราะห์ของซิตี้แบงก์ประเมินว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 60 จะเติบโตในระดับ 3.3% ดีขึ้นจากในปี 59 ที่เติบโตได้ 3% โดยมองว่าปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ การลงทุนภาครัฐ และการบริโภคของประชาชนที่น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค คือ นโยบายของรัฐบาลใหม่สหรัฐ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าของโลกมากน้อยเพียงใด ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.2% พร้อมกันนี้เชื่อว่าจนถึงสิ้นปีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับ 1.50% แต่อย่างไรก็ดี หากกนง.มีความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็เชื่อว่ายังพอจะมี room ให้สามารถทำได้ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าตลอดทั้งปีจะอยู่ในช่วง 36-37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้นั้น ทางซิตี้แบงก์มองว่าการพบปะของผู้นำโลกดังกล่าวคงไม่ได้มีสัญญาณทางการเมืองใดๆ เป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าจะเป็นในแง่ของความสัมพันธ์ในระดับผู้นำประเทศมากกว่า "ท้ายสุดแล้วต้องติดตามต่อไปว่านโยบายที่แท้จริงของทรัมป์จะออกมาอย่างไร เพราะหลายครั้งยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง นโยบายต่างๆ ที่ออกมาสามารถสร้างความผันผวนได้ในระดับหนึ่ง" นายดอน กล่าว พร้อมระบุว่า ทางซิตี้แบงก์มีมุมมองว่าดอลลาร์สหรัฐอาจมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และบาทอาจจะอ่อนลงเล็กน้อย แต่คงไม่ได้เห็นการไหลออกของเงินทุนอย่างรวดเร็วหรือรุนแรงจากตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด เพราะโดยรวมแล้วเศรษฐกิจไทยยังไม่มีปัจจัยลบที่น่ากังวล สถานะทางการเงินยังมีความแข็งแกร่ง ซึ่งเม็ดเงินที่ไหลออกนั้นคงเป็นการไหลออกตามโอกาสของการลงทุนที่ได้มีการเปรียบเทียบกับหลายๆ ภูมิภาคแล้ว อย่างไรก็ดี เห็นว่าจากการเปลี่ยนแปลงของการเติบโตทางเศรษฐกิจและนโยบายที่แตกต่างกันทั่วโลกนั้น นักลงทุนควรใช้วิธีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอเพื่อช่วยป้องกันผลกระทบจากการลงทุน "ในการแนะนำการลงทุนต่อลูกค้านั้น เราเสนอให้มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ทโฟลิโอ เพราะปีนี้จะเป็นอีกปีที่มีความผันผวน โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองที่จะเข้ามามีผลกระทบต่อการลงทุนมากขึ้น เราแนะนำให้ลูกค้ากระจายความเสี่ยงไปหลายๆ หลักทรัพย์ และหลายภูมิภาค" นายดอนกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ