นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ได้จัดกิจกรรม Sourcing Trip นำคณะผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อห้างอิออนสโตร์ (AEON Stores) จากฮ่องกง มาเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการไทยกลุ่มสินค้าเกษตร/อาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจสั่งซื้อได้แก่ ไอศกรีม ผลไม้อบแห้ง น้ำพริก อาหารสำเร็จรูป/บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่ทำจากถั่วและข้าว และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น กะทิผง น้ำมะพร้าวอัดแก๊ส (Sparkling Coconut Water) เป็นต้น
สำหรับการจัดเจรจาการค้ากับห้าง AEON Stores จากฮ่องกงในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเฟ้นหาผลิตภัณฑ์อาหารไทยใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ และถูกรสนิยมชาวฮ่องกงไปวางจำหน่ายในห้าง ตามกลยุทธ์การนำสินค้าใหม่บุกเข้าตลาดเก่า โดยจะนำสินค้าที่ได้รับคัดเลือกเหล่านี้ไปเปิดตัวในงาน "AEON Thailand Food Fair 2017" ซึ่งจะจัดขึ้นในห้าง AEON ทั้ง 12 สาขาทั่วเกาะฮ่องกง ในระหว่างวันที่ 11 - 24 พฤษภาคม 2560 ซึ่งงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างห้าง AEON Stores และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ร่วมสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและบมจ.การบินไทย (THAI)
อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมการเจรจาการค้าในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 58 บริษัท เป็นผู้ประกอบการจากกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าอาหาร และผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ส่งข้อมูลของผู้ประกอบการพร้อมรายละเอียดสินค้าให้กับห้าง AEON Stores เพื่อพิจารณาในเบื้องต้นก่อนเดินทาง นอกจากนี้ผู้บริหารของห้างยังได้บรรยายให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยถึงกฎระเบียบการนำเข้า การขออนุญาตฉลากสินค้า และการขนส่งโลจิสติกส์ด้วย
ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทย-ฮ่องกงในปี 2559 มีมูลค่ารวม 13,067.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็น ไทยส่งออกไปฮ่องกงมูลค่า 11,467.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไทยนำเข้าจากฮ่องกงมูลค่า 1,599.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในส่วนของสินค้าอาหาร ไทยส่งออกสินค้าอาหารไปฮ่องกงคิดเป็นมูลค่าร่วม 841.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าอาหารที่ส่งออกอันดับต้นๆ ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (198.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ข้าว (167.75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าประมง (66.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ไก่ (50.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และกุ้ง (48.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)