นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวในหัวข้อ" สิทธิประโยชน์ใหม่ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่ และประเทศไทย 4.0" ว่า รัฐบาลได้เดินหน้าวางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้านภายในปี 2560 เพื่อสร้างพื้นฐานให้ชุมชนบริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยเป็นความร่วมมือกับบมจ. ทีโอที ในการวางเครือข่ายใยแก้วไฟเบอร์ออพติค เพื่อเป็นช่องทางให้ชุมชนสามารถขายสินค้าโอทอปออนไลน์จากชุมชนสู่ตลาดภายนอกได้ด้วยตนเอง ขณะที่ กสท โทรคมนาคม เตรียมลงทุนอีก 5,000 ล้านบาท วางเครือข่ายเกตเวย์ เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน และต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในปี 2560 จะการเดินหน้าโครงการ “ดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์" บนพื้นที่ประมาณ 50-60 ไร่ ในอ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ของบมจ. กสท โทรคมนาคม ถือเป็นพื้นที่ศูนย์กลางเชื่อมโยงกับมาบตะพุด สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือแหลมฉบัง แบ่งพื้นที่เป็น 3 โซน คือโซนที่ 1.ให้ภาคเอกชน บริษัทข้ามชาติ และผู้ประกอบไทยและกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีธุรกิจเกี่ยวกับดิจิตัลและนวัตกรรม โซนที่ 2. รองรับมหาลัยวิทยาลัยชั้นนำทั้งจากไทยและต่างชาติ ที่เน้นการเรียนการสอนด้านดิจิตัลและเทคโนโลยี และโซนที่ 3. รองรับที่อยู่อาศัย ที่เอื้ออำนวยต่อเรื่องความคิดสร้างสรรค์หรือความคิดริเริ่มใหม่ๆ จึงอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเข้ามาร่วมลงทุนในพื้นที่นี้ ซึ่งทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพร้อมให้สิทธิ์ประโยชน์เต็มที่
ด้านนางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอให้ความสำคัญกับการให้สิทธิประโยชน์กับบริษัทที่ลงทุนในด้านเทคโนโลยีที่สำคัญและส่งเสริมให้ลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งในปี 2560 บีโอไอเน้นส่งเสริมการลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยี ใน 4 เทคโนโลยี คือ การพัฒนาไบโอเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีการผลิตวัสดุขั้นสูง และดิจิตอลเทคโนโลยี
รวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาบุคคลากรร่วมกับภาคเอกชน ดึงนักวิจัย นักพัฒนา การพัฒนาฝึกอบรมเทคโนโลยีขั้นสูง การพัฒนารับช่วงการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาทำงานได้สะดวกมากขึ้น โดยได้เตรียมการในการดำเนินการดึงดูดทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะฝีมือสูง (Talents) จากต่างประเทศ เช่น การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ผ่านศูนย์บริการ One stop service
นอกจากนี้ บีโอไอได้มีการปรับปรุงกฏระเบียบต่างๆ เช่น การปรับปรุงพ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน มีการแก้ไขให้สิทธิประโยชน์ให้กับกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และกิจการที่เกี่ยวกับงานด้านการวิจัยและพัฒนา โดยกำหนดให้สิทธิ์ประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ระยะเวลาถึง 13 ปี และพ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถ ซึ่งเน้นให้การส่งเสริมการลงทุนตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 ตอบโจทย์ประเทศและเป็นการลงทุนใหม่ๆ โดยพร้อมให่สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ ไม่เกิน 15 ปี และมีวงเงินรองรับ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านการวิจัย พัฒนาและด้านนวัตกรรม พร้อมทั้งมีมาตรการอื่น เช่นการยกเว้นอากรนำเข้าเพื่อนำมาใช้ในการวิจัยและพัฒนา เป็นเวลา 1 ปี และมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% ใน 5 ปี