นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงาน ได้หารือร่วมกันกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ถึงประเด็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยเฉพาะกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งภาคเอกชนทั้ง 2 แห่ง เห็นร่วมกันถึงความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานซึ่งภาคใต้มีการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่เป็นเศรษฐกิจหลักสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในภาคใต้
ทั้งนี้ ทางเลือกเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้นั้น กระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ได้ให้คำมั่นแก่ ส.อ.ท. และสภาหอการค้า ถึงทางออกในการใช้เชื้อเพลิงเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดว่ายังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสูงสุดในภาวะการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากจะช่วยสร้างสมดุลของการกระจายเชื้อเพลิงเพื่อสร้างความมั่นคงพลังงานในระยะยาว ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ที่ต้องเพิ่มทางเลือกเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติที่มีการพึ่งพาสูงถึง 70% และลดความเสี่ยงจากการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งจากความอ่อนไหวในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งยังขาดปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตเองได้ในภูมิภาค ทำให้ในปัจจุบันจำเป็นต้องส่งไฟฟ้าจากภาคกลางลงไปเพิ่ม ซึ่งมีระยะทางไกลและอาจเกิดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้ดั่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว
นอกจากนี้ ความจำเป็นของทางเลือกเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ถือเป็นเชื้อเพลิงที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในประเทศ เนื่องจากมีราคาที่ไม่ผันผวน และยังมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งจะช่วยเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถลดต้นทุนจากค่าไฟฟ้า เสริมความเข้มแข็งในการแข่งขันในระดับภูมิภาคได้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง การจัดการด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้น กระทรวงพลังงานได้ยืนยันกับทาง สอท. และสภาหอการค้า ว่า โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดที่ได้ใช้ระบบ Ultra Super Critical (USC) เป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูง และได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ อาทิ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) รวมทั้งยังมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐานระดับสากล ไม่เกิดผลกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
นายอารีพงศ์ กล่าวเพิ่มว่า การหารือร่วมกับ ส.อ.ท. และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงถึงการส่งเสริมพลังงานทดแทนในพื้นที่ภาคใต้ และพร้อมจะสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งการผลิตปาล์มน้ำมัน และชีวมวล โดยจะมีนโยบายรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กแบบผสมผสานในรูปแบบสัญญาเสถียร หรือ SPP Hybrid Firm และการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากแบบสัญญาเสถียรตามช่วงเวลาหรือ VSPP Semi-Firm ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังานในพื้นที่ภาคใต้เสริมจากการสร้างโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันพรุ่งนี้(17 ก.พ.60) จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ว่าจะให้ก่อสร้างหรือไม่ เนื่องจากการตัดสินใจล่าช้ามากว่า 2 ปีแล้ว และควรได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นคงไฟฟ้าภาคใต้ ซึ่งกระทรวงพลังงานยังยืนยันที่จะเสนอ กพช.ให้เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ต่อไป โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะต้องสร้างให้ได้ตามมาตรฐานสากล โดยใช้เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าใหม่ล่าสุด
ทั้งนี้ หาก กพช.อนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่จริง คาดว่าต้องใช้เวลาก่อสร้าง 4-5 ปี และผลิตไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2564-2565 แต่หาก กพช.ไม่อนุมัติให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ทาง กฟผ.อาจต้องใช้ปรับแผนใหม่ โดยอาศัยไฟฟ้าจากภาคกลางมายังภาคใต้มากขึ้น แต่การสร้างสายส่งก็ต้องใช้เวลาและเงินลงทุนจำนวนมาก