นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมนา "จับทิศทางการลงทุนสู่ไทยแลนด์ 4.0"ว่า การจะก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 นั้น ภาครัฐจะต้องเป็นผู้นำในการขับเคลื่อน โดยจะต้องเป็นการขับเคลื่อนไปพร้อมกับภาคเอกชน ซึ่งการขับเคลื่อนการลงทุนต่างๆ จะต้องมีความสอดคลัองกับโลกยุคใหม่ และมีการเชื่อมโยงกันเกิดขึ้น
โดยปัจจัยแรกที่จะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ โดยการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ การปรับปรุงระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ต่างๆให้มีความทันสมัย เช่น การลงทุนพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้ดีขึ้น เพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวมากขึ้น ประกอบกับการลงทุนถนนและระบบราง เพื่อการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากนี้ การพัฒนาคนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหา เพราะปัจจุบันประชากรในประเทศไทยมีอัตราการเกิดลดลง และนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาไปใช้ต่อยอดไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลให้ในอนาคตทรัพยากรบุคคลของประเทศไทยอาจจะไม่เพียงพอ หากเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ อีกทั้งการนำความรู้มาต่อยอดยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่จะช่วยให้การบริหารจัดการต่างๆ เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลไปพร้อมกัน
นายเอกนิติ กล่าวว่า การผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเป็นหนึ่งในเครื่องมือการขับเคลื่อนการลงทุน ถือว่ามีบทบาทอย่างมากในการสร้างความมั่นใจของภาคเอกชนให้ลงทุนตาม ซึ่งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจะต้องช่วยส่งเสริมด้านการลงทุน โดยไม่มีการคอร์รัปชั่น ซึ่งอาจจะมีพันธมิตรเป็นบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
ขณะเดียวกัน ภาครัฐจะต้องจัดหาแหล่งเงินทุนให้เหมาะสมเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนของแต่ละโครงการ โดยการจัดตั้งกองทุน Thailand Future Fund ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งการระดมทุนของภาครัฐ และการใช้แหล่งเงินทุนที่เหมาะสมจะสามารถทำให้เกิดการบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนต้องใช้เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนาบุคคลากร และพัฒนาการบริการ เป็นต้น เพื่อการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างสมบูรณ์