นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนา "พลิกโฉมธุรกิจสู่ยุค เอสเอ็มอี 4.0" ว่า ได้หารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา และตัวแทนองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เพื่อหาแนวทางปกป้องภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์ และบริการของไทย ที่กำลังได้รับการยอมรับในระดับโลก ไม่ให้ถูกต่างชาติแอบอ้างนำไปจดทะเบียน หรือนำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ เหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยถูกต่างชาตินำรถตุ๊กตุ๊ก หรือท่านวดฤาษีดัดตนไปจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยมาเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ มอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไปรวบรวมข้อมูล หลักฐาน รายละเอียดลักษณะเฉพาะของภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยแต่ละประเภทให้ชัดเจน เช่น ศิลปะ วัฒนธรรม พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ฯลฯ เพื่อนำข้อมูลไว้ใช้โต้แย้งเวลาเกิดปัญหาต่างชาตินำไปใช้จดทะเบียนเป็นของตนเอง หรือนำไปประกอบใช้จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาไทยในเวทีระดับโลกในอนาคต
"นับวันศิลปวัฒนธรรมของไทยจะเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก เช่น มวยไทย รำไทย สมุนไพรไทย แต่ที่ผ่านมากลับยังไม่มีมาตรการดูแลหรือแสดงความเป็นเจ้าของที่แท้จริง หากไม่มาตรการหรือข้อมูลความเป็นเจ้าของที่ชัดเจน อาจทำให้ต่างชาตินำภูมิปัญญาท้องถิ่นเหล่านี้ไปจดทะเบียนเป็นเจ้าของได้ ซึ่งการประชุมร่วมกับ WIPO เพื่อกำหนดแนวทางในการปกป้องทุนทางวัฒนธรรมของไทยให้อยู่คู่กับคนไทยต่อไป เพราะจะเป็นกุญแจสำคัญช่วยให้เอสเอ็มอีนำไปใช้พัฒนาธุรกิจ และใช้แข่งขันในยุค 4.0 ได้ เพราะศิลปวัฒนธรรม และธุรกิจบริการเป็นจุดแข็งของไทย" นายสนธิรัตน์ กล่าว
และหลังจากนี้มีแผนจะส่งสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ไปจดทะเบียนเป็นสินค้าจีไอในประเทศต่างๆ เพิ่มเติมด้วย จากปัจจุบันที่สินค้าจีไอไทยได้รับการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยตุงและดอยช้าง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วในสหภาพยุโรป เป็นต้น