นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 40 ปี มติชน ในหัวข้อ "Push Forward ส่องเศรษฐกิจ 4.0 ปีไก่ทอง"ว่า ในปี 60 รัฐบาลจะพยายามรักษาโมเมนตัมทางเศรษฐกิจให้ขยายตัวและทำให้ดีที่สุด และส่วนตัวรู้สึกพอใจอย่างยิ่งที่เห็นตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมาขยายตัวได้ถึง 3.2% ซึ่งต้องรักษาระดับเอาไว้ไม่ให้ทรุดตัวลงไป
ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจปีนี้ดีขึ้นได้จะมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ารายใหญ่ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชื่อว่านโยบายระยะสั้นของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานธิบดีสหรัฐจะมีประโยชน์กับไทย ขณะที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขึ้น และการค้าในกลุ่ม CLMV จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าในการส่งออกและการค้าตามแนวชายแดนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกไปอาเซียน ถือเป็น 25% ของการส่งออกทั้งหมด
นายสมคิด เชื่อมั่นว่าการส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3-4% ส่วนการที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศเป้าหมายการส่งออกเติบโตที่ 5%ในปีนี้ ถือเป็นตัวเลขที่ท้าทายและต้องพยายามทำให้ได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่
ส่วนการเบิกจ่ายภาครัฐในปี 60 นายสมคิด กล่าวว่า จะเร่งติดตามความคืบหน้าของการเบิกจ่ายของภาครัฐในทุกๆ เดือนและจะมีการกำหนดเป็น KPI เพื่อประเมินผลการทำงานของทุกหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
"ถามว่าปีไก่ทองนี้จะเป็นอย่างไร ผมคิดว่าถ้าเราไม่มารวมกันเชือดไก่ให้ตาย ไก่ตัวนี้จะขันได้ แต่ขอร้องอย่ารุมกันถอนขนไก่ เชือดไก่กันเอง ไม่งั้นไก่ทองจะไม่ไหวเสียก่อน"นายสมคิด กล่าว
พร้อมระบุว่า แม้การส่งออกจะดีขึ้น แต่โครงสร้างการส่งออกของไทยยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น จึงจำเป็นที่ไทยจะต้องปรับตัวและเปลี่ยนผ่านไปสู่การเน้นใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงต้องมีการส่งเสริมการส่งออกภาคบริการให้มากขึ้นด้วย
สำหรับการปรับเปลี่ยนไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 นั้น นายสมคิด กล่าวว่า ในมุมมองส่วนตัวแล้วไม่ใช่การปรับเปลี่ยนไปสู่ไฮเทคโนโลยี แต่เป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจให้เกิดความเท่าเทียม และสร้างสมดุลของเศรษฐกิจในชุมชนเมืองไปสู่ชนบท ส่งเสริมให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ในระดับภูมิภาค เน้นการพัฒนาบุคลากรให้เข้าสู่ยุค 4.0 เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจุดแข็งของประเทศไทย คือ ด้านการเกษตรและวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค ซึ่งสามารถยกระดับและสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้
นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการรีฟอร์มประเทศ โดยมีนโนบายให้การส่งเสริมในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ๆ ต้องมี S-Curve ใหม่ ซึ่งหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้จัดงานส่งเสริมการลงทุน พบว่ามีหลายบริษัทให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (EEC) เพิ่มขึ้น
ดังเช่นเมื่อวานนี้คณะผู้บริหาร Fujifilm Corporation และคณะผู้บริหาร CIC ได้มาพบกับตนเพื่อพูดคุยถึงความร่วมมือและสอบถามถึงการเข้าลงทุน รวมถึงบริษัท ยางรถยนต์คอนดิเนนตัล ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนใน EEC ด้วย ซึ่งนายสมคิด ย้ำว่า ในปีนี้ทุกโครงการตามแผนงานจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและเปิดการประมูลให้ได้
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไป แต่หากไม่มีเทคโนโลยีรองรับคงไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นในปีนี้จึงต้องทำโครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน 20,000 หมู่บ้านให้สำเร็จ เพราะหากโครงการไม่เกิด งานทุกอย่างจะหยุดชะงักไป