นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 60 ธนาคารเน้นการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตสินทรัพย์ของบริการไพรเวทแบงก์ โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 34% ด้วยฐานลูกค้าจำนวน 10,300 คน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) 7.7 แสนล้านบาท และสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ (Revenue on Asset) ได้ 0.37% พร้อมตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์เป็น 0.5% เทียบเท่ามาตรฐานสากล ภายใน 3 ปี ครองความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในปี 59 ที่ผ่านมา KBANK มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 33% จากฐานลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง 10,000 คน มี AUM 7.6 แสนล้านบาท และสามารถสร้าง Revenue on Asset ได้ 0.29%
แนวโน้มตลาดลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงทั่วโลกยังมีการเติบโตต่อเนื่อง จากรายงาน World Wealth Report 2559 สำรวจโดย Capgemini พบว่า ในปี 58 กลุ่มดังกล่าวในไทยและเอเชียถือครองสินทรัพย์มูลค่า 35 ล้านบาทต่อรายขึ้นไปในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10-11% ต่อปี สูงกว่าตลาดโลกที่โตเฉลี่ยประมาณ 9% ต่อปี ซึ่งตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในอนาคต แต่อาจมีอัตราส่วนที่ชะลอตัวลง เช่นเดียวกับประเทศอื่นในเอเชียแปซิฟิก
สำหรับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงที่มีสินทรัพย์มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไปในไทย ปี 60 ตลาดรวมคาดว่าจะมีประมาณ 30,400 คน โดยลูกค้ามีแนวโน้มไว้ใจใช้บริการไพรเวทแบงค์มากขึ้น ทั้งในการจัดการเงินออมและการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่เป็นทั้งสินทรัพย์ส่วนตัวและสินทรัพย์ของครอบครัว เพื่อให้สามารถมองเห็นและบริหารจัดการในองค์รวมได้ จากเดิมที่นิยมแยกบริหารสินทรัพย์เป็นส่วนๆ
ที่ผ่านมา KBANK ให้บริการไพรเวทแบงก์ที่มีบริการตามมาตรฐานสากลที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ โดยมีธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ จากสวิตเซอร์แลนด์เป็นพันธมิตร ร่วมพัฒนาและยกระดับให้บริการของธนาคารให้ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่
1. บริการด้านการวางแผนความมั่งคั่งและยั่งยืนของครอบครัว (Wealth Planning Services) นับเป็นจุดเด่นสำคัญของบริการไพรเวทแบงก์ของ KBANK ประกอบด้วย การวางแผนความต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนของครอบครัว การให้คำปรึกษาด้านการสร้างธรรมนูญครอบครัว การวางแผนโครงสร้างการถือครองสินทรัพย์ และธุรกิจครอบครัว ทั้งในและต่างประเทศ การวางแผนส่งผ่านกิจการ และทรัพย์สินจากรุ่นสู่รุ่น การจัดตั้งสำนักงานครอบครัว เพื่อดำเนินการตามแผนและอำนวยความสะดวกในการบริหารครอบครัว เป็นต้น
2. บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน (Investment Advisory Services) ทั้งภายในและภายนอกตลาดทุน โดยมีกองทุน KStrategic Global Multi Asset (K-SGM) กองทุนแรกของไทยที่ใช้หลักการกระจายความเสี่ยงตามหลักบริหารจัดการที่ลอมบาร์ด โอเดียร์ ใช้ในการจัดการพอร์ตการลงทุนให้แก่ลูกค้าทั่วโลกเป็นกองทุนหลักในการแนะนำ ประกอบกับกองทุนต่าง ๆ ทั้งจาก บลจ.กสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ ผ่านทาง Open Architecture (OA) โดยปัจจุบัน K-SGM มียอดขายสูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนนอกตลาดทุน เช่น การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
3. สิทธิพิเศษต่าง ๆ ทั้งทางด้านการธนาคารและการลงทุน การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการใช้ชีวิตสุดพิเศษ (Privileges) ประกอบด้วย การให้ข้อมูลด้านการลงทุน อาทิ การจัดงานสัมมนาให้ข้อมูลสถานการณ์การลงทุนทั้งตลาดในประเทศไทยและตลาดโลก รวมทั้งการจัดกิจกรรมสร้างเครือข่าย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าตลอดทั้งปี
ด้านนายวินเซนต์ แมกนีแนตท์ ผู้อำนวยการบริหาร ธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย เปิดเผยว่า ลอมบาร์ด โอเดียร์ เข้าเป็นพันธมิตรให้บริการแก่ลูกค้าไพรเวทแบงก์ KBANK โดยการนำเสนอทางเลือกในการลงทุนระดับโลก ที่มีการบริหารความเสี่ยงที่มีความเฉพาะตัว สามารถปรับได้ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย และสามารถตอบโจทย์การบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าในระยะยาว ทั้งนี้ ลอมบาร์ โอเดียร์มีความยินดีที่จะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยดูแลลูกค้าไพรเวทแบงก์ของ KBANK และครอบครัวเพื่อการบริการจัดการความมั่งคั่งได้อย่างครบวงจร