ขสมก.เผยศาลสั่งคุ้มครองฉุกเฉินรถเมล์ NGV ให้กรมศุลฯ ปล่อยรถ-ผู้นำเข้าไม่ต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 24, 2017 18:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ได้รับทราบว่าศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินให้บริษัทผู้นำเข้ารถเมล์ NGV สามารถนำรถที่ถูกกรมศุลกากรกัดไว้ออกมาได้ โดยให้วางเฉพาะเงินประกันภาษี 40% ไม่ต้องวางประกันค่าปรับ 2 เท่า

"จะนำไปหารือกับคณะกรรมการตรวจรับและบอร์ด ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่า คนกรุงเทพฯอาจได้ใช้รถใหม่ในเร็ววันนี้"นายสุรชัย กล่าว

ในวันนี้ นายชนิด ศุทธยาลัย ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ซุปเปอร์ ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์ NGV ได้เป็นโจทย์ฟ้อง กรมศุลกากร กับพวกประกอบด้วย นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร, นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร, นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง, นายธีระชาติ อินทริง, นายวิฑูรย์ อาจารียวุฒิ ประธานฯ และกรรมการตรวจปล่อยรถยนต์ใหม่ที่นำเข้า

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ถึง 6 ที่ร่วมกันจงใจกระทำละเมิดหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง กล่าวหาว่า โจทก์แสดงถิ่นกำเนิดอันเป็นเท็จ และยึดหน่วงรถยนต์โดยสาร NGV ที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียจำนวน 99 คัน ทั้งๆ ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทราบดีว่าเอกสารดังกล่าวมิได้เป็นเท็จ เป็นการร่วมกันจงใจกระทำละเมิดอย่างร้ายแรงกล่าวหาโจทก์โดยไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ซึ่งเป็นเพียงข้อสงสัยว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (FORM D) อันเป็นเท็จเท่านั้น

ทั้งสินค้าที่โจทก์นำเข้าก็ไม่อยู่ในข้อกำหนดของหลักเกณฑ์ในความผิดฐานสำแดงเท็จ ตามพระราชบัญญัติห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา พ.ศ.2481 มาตรา 5 เนื่องจากพระราชบัญญัติดังกล่าวห้ามนำของที่มีการแสดงกำเนิดเป็นเท็จเข้ามา เฉพาะที่เกี่ยวกับของหัตถกรรมเท่านั้น ไม่ใช่สินค้ารถยนต์โดยสาร

นอกจากฝ่าฝืนต่อกฎหมายและระเบียบดังกล่าวแล้ว ยังทำให้โจทก์ส่งมอบรถยนต์โดยสารดังกล่าวให้แก่ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด และขสมก. ไม่ทันตามกำหนดเวลาตามสัญญาอีกด้วย

และก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้มีหนังสือโต้แย้งการกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 แล้ว แต่กลับไม่ยอมส่งมอบรถยนต์โดยสาร NGV ให้แก่โจทก์และพยายามจงใจให้โจทก์ชำระค่าปรับในอัตราสองเท่า นอกเหนือจากค่าภาษีอัตราปกติอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ.2556 ข้อ 4 03 06 05 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของที่มีถิ่นกำเนิดจากอาเซียน (ATIGA) และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 และหน่วงเหนี่ยวถ่วงเวลาเพื่อมิให้โจทก์ได้รับรถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV

ทั้งนี้ ศาลจังหวัดพัทยาได้ไต่สวนฉุกเฉินและมีคำสั่งว่าคำฟ้องโจทก์มีเหตุผลเพียงพอและพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ยึดหน่วงรถโดยสารไว้ ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอย่างเพียงพอว่าหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด (Form D) เป็นเท็จหรือไม่หรือมีเหตุอื่นหรือไม่และให้โจทก์วางค่าปรับนอกเหนือจากเงินประกันค่าภาษีอัตรา 40% โดยไม่เป็นไปตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ. 2556 เรื่องการยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับของมีถิ่นกำเนิดจากอาเซียนทำให้โจทย์เสียหาย

จึงมีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกร่วมกันปล่อยรถยนต์โดยสาร ตามหนังสือรับรองถิ่นกำเนิด และต้องวางเงินประกันภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ 40 ของมูลค่ารถยนต์แต่ละคันและไม่ต้องชำระค่าปรับตามประมวลระเบียบปฏิบัติของกรมศุลกากร พ.ศ.2556 และให้จำเลยทั้งหกร่วมกันออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนรถยนต์แต่ละคันด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ