น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ นักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3.5% จากเป้าหมายเดิมที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 2.5-3.5% และกระทรวงพาณิชย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายไว้ว่าต้องการให้การส่งออกเติบโตได้ 5%
"เป้า 5% ถ้าเรามีการผลักดันอย่างเต็มที่ ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ารายใหญ่ๆ ฟื้นตัวเป็นขาขึ้น กระทรวงพาณิชย์ก็จะต้องทำให้เต็มที่ แต่ที่เราคาดการณ์ไว้เดิมที่ 2.5-3.5% นั้นอย่างน้อย 3.5% น่าจะทำได้ เพราะแนวโน้มการส่งออกเริ่มกลับมาสู่จุดที่ปกติแล้ว" น.ส.พิมพ์ชนกระบุ
ทั้งนี้ หากการส่งออกในปีนี้เติบโตได้ 3.5% จะต้องทำให้การส่งออกต่อเดือนมีมูลค่าอยู่ที่ 18,572 ล้านดอลลาร์ หรือทั้งปีคิดเป็นมูลค่าส่งออกรวมที่ 222,863 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่หากการส่งออกปีนี้เติบโตได้ 5% จะต้องทำให้การส่งออกต่อเดือนมีมูลค่าอยู่ที่ 18,841 ล้านดอลลาร์ หรือทั้งปีคิดเป็นมูลค่าการส่งออกรวมที่ 226,093 ล้านดอลลาร์
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่จะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกของไทยในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมาย มาจากการค้าโลกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งเสถียรภาพของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลักสำคัญของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งสหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน และอาเซียน ซึ่งจะเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชัดเจนของประเทศดังกล่าวชัดเจนขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ
นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ และน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังมีเสถียรภาพ โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ยังมีความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา คือ สถานการณ์ในสหภาพยุโรปที่ปีนี้หลายประเทศจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนดื ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพของสหภาพยุโรปโดยรวม เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด