นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ตุลาคม 2559 – มกราคม 2560) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 715,481 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 20,422 ล้านบาท (คิดเป็น 2.8%) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วได้มีการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz (4G) เป็นสำคัญ
ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,224,132 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 73,304 ล้านบาท (คิดเป็น 6.4%) ประกอบด้วยรายจ่ายปีปัจจุบัน 1,105,870 ล้านบาท คิดเป็น 40.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.5% และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 118,262 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 15.7%
รายจ่ายปีปัจจุบัน จำนวน 1,105,870 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 995,003 ล้านบาท (คิดเป็น 45.5% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง 2,187,062 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.6% และรายจ่ายลงทุน 110,867 ล้านบาท (คิดเป็น 20.3% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง 545,938 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 25.7%
ดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดขาดดุล 542,300 ล้านบาท โดยเป็น การขาดดุลเงินงบประมาณ 508,651 ล้านบาท และขาดดุลเงินนอกงบประมาณ จำนวน 33,649 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการถอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มงวด 10 - 12 ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนฯ จำนวน 25,244 ล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินโดยการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลจำนวน 184,051 ล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสด (หลังการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุล) ขาดดุลเท่ากับ 358,249 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 83,051 ล้านบาท
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลยังคงบริหารเงินคงคลังให้อยู่ระดับที่เหมาะสม โดยไม่เป็นภาระงบประมาณ และยังสามารถรองรับการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ตามปกติ