นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้ราง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่นั้น เป็นการปรับเพดานสูงสุดของพิกัดภาษี เนื่องจากของเดิมใช้มานานไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยจะปรับเปลี่ยนเป็นการคิดคำนวณทั้งจากราคาขายปลีกแนะนำและปริมาณแอลกอฮอล์เป็นฐานการกำหนดอัตราภาษี แต่จะไม่ได้ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นมากผิดปกติตามที่เป็นข่าว
"ของเก่าใช้มาตั้ง 60-70 ปีแล้ว เราก็มองว่าอีกสัก 20 ปีข้างหน้า เพดานควรจะเป็นเท่าไหร่ เลยได้กำหนดตัวเลขนี้ขึ้นมา" นายสมชาย กล่าว
ส่วนอัตราการจัดเก็บจริงจะเป็นเท่าใดนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อครั้งที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวได้ระบุว่าจะต้องไม่สร้างภาระเรื่องภาษีให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค ดังนั้น เมื่อฐานการคำนวณโตขึ้นเนื่องจากการหันมาใช้ราคาขายปลีกแนะนำ ก็จะต้องปรับลดอัตราลงมาเพื่อให้เสียภาษีในระดับใกล้เคียงของเดิม เพื่อไม่ให้เป็นปัญหากับผู้บริโภค ซึ่งจะต้องออกเป็นกฎกระทรวงโดยเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบอีกครั้งก่อนจะมีผลบังคับใช้
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การกำหนดเพดานภาษีไม่ได้หมายความว่าจะต้องเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงสุด เป็นการเผื่อไว้ล่วงหน้า โดยฝ่ายวิชาการจะนำปัจจัยต่างๆ มาคิดคำนวณ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนที่จะผันแปรไป ส่วนการจัดเก็บภาษีอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์และนโยบายของรัฐบาล
"ฐานภาษีจะคิดคำนวณรวมกันทั้งฐานด้านราคา บวกด้วยด้านปริมาณแอลกอฮอล์" นายสมชาย กล่าว