นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) ในฐานะนายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากเกิดการชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนติดต่อกันในช่วงปลายปีก่อน
ทั้งนี้ ในช่วงเดือน ก.พ.60 เริ่มเห็นความคึกคักของการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของประชาชนที่สนใจต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น อย่างเช่น การเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่ง ระดับราคา 1-2 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 700 ล้านบาท มีผู้สนใจมาต่อแถวรอซื้อและประสบความสำเร็จไนด้านยอดขายอย่างดี รวมไปถึงโครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านชิดลมที่เปิดขายก็มีลูกค้าให้ความสนใจมากและมียอดจองค่อนข้างสูง แสดงให้เห็นถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีแนวโน้มกลับมาคึกคัก และเป็นแนวโน้มให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ โดยยังคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโตได้ 5% นอกจากนี้ ยังมองว่าความเสี่ยงด้านอัตราการปฏิเสธสินเชื่ออาจจะมีแนวโน้มที่ลดลงได้เล็กน้อย เพราะสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 80% ซึ่งส่งผลให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดระดับกลาง-ล่างมีแรงกดดันในแง่ของการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินน้อยลง และเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการที่มีการพัฒนาโครงการในระดับกลาง-ล่าง สามารถระบายสต็อกออกไปได้ และช่วยให้เกิดการพัฒนสินค้าใหม่ออกมาขายได้ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของผู้ซื้อโครงการระดับกลาง-ล่างอยู่ที่ 9% ซึ่งถืงว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ
ส่วนตลาดระดับบนนั้นมองว่ายังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพราะผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดระดับบนส่วนใหญ่ซื้อเงินสด ทำให้ไม่มีผลกระทบสำหรับการขายโครงการ
ด้านพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าได้เปลี่ยนไปเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากขึ้น และซื้อเพื่อการลงทุนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้ซื้อโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งเดิมผู้ซื้อโครงการจะซื้อเพื่อการเก็งกำไร แต่ปัจจุบันพบว่ามีความเสี่ยงด่านการขายต่อที่อาจจะได้ราคาไม่สูงมาก ทำให้พฤติกรรมของผู้ซื้อเปลี่ยนไป และเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการ เพราะได้ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆเข้ามา ทำให้ไม่เกิดปัญหาทิ้งใบจองเมื่อถึงเวลาโอนโครงการ
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มภาครวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อย แต่การแข่งขันในตลาดนั้นผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กยังไม่สามารถที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ ทำให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กมีการฟื้นตัวช้ากว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างมาก รวมถึงการพัฒนาโครงการต่างๆของผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กยังไม่สามารถพัฒนาได้ตามแผน ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่มีเงินทุนที่มีความพร้อม และสถาบันการเงินพร้อมที่จะให้สินเชื่อในการพัฒนาโครงการมากกว่าผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กติดขัดปัญหาในด้านเงินทุน และทำให้ธุรกิจเติบโตได้ช้า
ทั้งนี้ ยังมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไนปี 60 จะขยายตัวได้ 5% จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4 แสนล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ทำให้มีการพัฒนาโครงการในทำเลตามแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้ามากขึ้น และมีผู้ที่สนใจซื้อไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนของคอนโดมิเนียมมากกว่าแนวราบแล้ว โดยอยู่ที่ 50:40
ขณะที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 60 จะอยู่ที่สูงกว่า 3% จากปีก่อนที่ขยายตัว 3.2% ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตขึ้นตาม และบางกลุ่มอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้นแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มส่งออก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น และกลุ่มที่มีการค้าขายใน AEC เติบโตต่อเนื่อง และภาคครัวเรือนเริ่มกลับมามีกำลังซื้อมากขึ้นหลังจากรถยนต์คันแรกทยอยหมดลง ปัญหาภัยแล้งผ่านพ้น และราคาสินค้าเกษตรเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น รวมถึงแนวโน้มขาขึ้นของตลาดหุ้นไทยที่ทำให้กลุ่มนักลงทุนสามารถมีกำไรมาซื้อหรือลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาสดใสได้ในปีนี้