นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาด 34.99 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวานนี้ที่ ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 34.97/99 บาท/ดอลลาร์
"คาดว่าวันนี้เงินบาทมีโทนอ่อนค่าได้ เนื่องจากดอลลาร์ในตลาดโลกมีแรงซื้อกลับเข้ามาแม้ว่าสิ่งที่"ทรัมป์"แถลงต่อสภา
คองเกรสจะไม่มีรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายกาคลังแต่ก็ไม่ได้ทำให้ตลาดผิดหวังเท่าไหร่ ตอนนี้ดูเหมือนตลาดโลกจะ Focus
ไปที่เฟดว่าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยในกลางเดือนนี้" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.95-35.05 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.91 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 113.55/62 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0539 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.0537/0540 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.9910 บาท/
ดอลลาร์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 60 ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ปรับลดลงเล็กน้อย
จากเดือนก่อนที่ระดับ 50.1 มาอยู่ที่ระดับ 49.8 ตามความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการและคำสั่งซื้อของผู้ประกอบการในภาคที่มิใช่
อุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มการค้าที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงต่อเนื่อง ภายหลังจากการสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
ของภาครัฐช่วงปลายปี
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2560 ลง
มาที่ 1.9%YOY จากเดิม 2.3%YOY เนื่องจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นปี รวมทั้งราคา
สินค้าอุปโภคบริโภคบางชนิดที่ชะลอลงกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม มองว่าการบริโภคในประเทศจะทยอยฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อนเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 54 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และค่าเงินบาท
ก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงไปที่ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2017 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยเร่งตัวขึ้นเฉลี่ยทั้งปีที่
1.9%YOY
- สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นได้
เล็กน้อย หลังจากเกิดการชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนติดต่อกันในช่วงปลายปีก่อน โดยคาดว่าตลาด
อสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 60 จะขยายตัวได้ 5% จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 4 แสนล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่ทำให้มีการพัฒนาโครงการในทำเลตามแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้ามาก
ขึ้น และมีผู้ที่สนใจซื้อไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนของคอนโดมิเนียม
มากกว่าแนวราบแล้ว โดยอยู่ที่ 50:40
- ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASP) ระบุว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้ประกาศผลกำไรงวดไตรมาส
4 ปี 2559 ซึ่งประกาศออกมาแล้ว 511 บริษัท หรือ 95% ของทั้งตลาด พบว่ามีกำไรสุทธิมากกว่า 2.03 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น
18% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรต่ำจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์และขาดทุนสต๊อกของกลุ่มพลังงาน แต่ลดลง 3.2% เมื่อ
เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากหลายกลุ่มผลการดำเนินงานหดตัวจากช่วงไว้อาลัย ซึ่งกำไรที่ออกมาถือว่าเป็นไปตามที่คาด
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book เมื่อวานนี้ โดย
ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการขยายตัวในเดือนม.ค. และตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1
มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หลังเจ้าหน้าที่เฟด
หลายคนได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ
113.69 เยน จากระดับ 112.02 เยน ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0553 ดอลลาร์จากระดับ 1.0604
ดอลลาร์
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ที่ Executives' Club of
Chicago ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
โดยปัจจัยล่าสุดที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น มาจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ สหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้น มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013
- ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้
จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.พ.โดยมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ
(ISM)