นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ว่า ที่ประชุมกบร.มอบหมายให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ให้ทันสมัยมากขึ้น จากปัจจุบันกำหนดเพดานสูงสุดที่ 13 บาท/กม.ใช้ร่วมกันทุกประเภท ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับกรณีที่บางสายมีบริการแบบ Full service เพื่อไม่ให้เอาเปรียบผู้โดยสาร
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบร.ยังเห็นชอบแผนการฝึกอบรมการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน และแผนการควบคุมคุณภาพการรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือน ซึ่งอยู่ภายใต้แผนรักษาความปลอดภัยในการบินพลเรือนแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นแผนที่ กพท. ใช้ในการตรวจสอบท่าอากาศยาน สายการบิน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพนักงานตรวจคนซึ่งคาดว่าจะถูกตรวจมากที่สุด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกด้านจะต้องมีทักษะ ความสามารถในการทำหน้าที่
ปัจจุบันครูฝึกในส่วนของรัฐ ทั้งกรมท่าอากาศยาน(ทย.) บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. และกพท.มีประมาณ 20 คน ของเอกชนอีก 30 คน รวมเป็น 50 คน เมื่อมีแผนการฝึกอบรมและแผนรักษาความปลอดภัย เจ้าของสนามบิน สายการบิน, คาร์โก้ เป็นต้น จะต้องนำไปฝึกอบรมพนักงานของตนเอง
นอกจากนี้ กบร.ยังอนุมัติร่างแผนอำนวยความสะดวก การบินพลเรือนแห่งชาติ และนโยบายการอำนวยความสะดวก และเห็นชอบหลักการคุณสมบัติผู้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอก โดยสามารถนำชั่วโมงบินจากราชการมานับรวมเป็นความชำนาญและประสบการณ์ได้ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนนักบิน โดยให้กพท.จัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์ต่อไป
ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. กล่าวถึงโครงสร้างอัตราค่าโดยสารว่า ควรกำหนดค่าโดยสารขั้นสูงแยกกัน คือ หากมีบริการพื้นฐานที่พึงจะมีเต็มรูปแบบ เช่น มีเครื่องดื่ม อาหาร ใช้เพดานที่ 13 บาท/กม. หากไม่มีบริการจะใช้เพดานที่ต่ำกว่า เป็นต้น ซึ่งจะต้องศึกษาโครงสร้างที่เหมาะสมต่อไป