นายสมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจว่า ได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงไตรมาส 1/60 เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไป จากที่ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับในทุกมิติ
“ถ้าการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาสแรกปีนี้ไปได้ดี ความเชื่อมั่นทั้งหลายก็จะแข็งแกร่งและเป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว โครงการไหนที่ช้าหรือชะลอ เราจะไม่ปล่อยให้ชะลอไปมาก ต้องไปเร่งดูว่ามี process อะไรที่จะทำให้มันไปได้เร็วขึ้น อะไรทำได้เร็วต้องทำ ไม่ใช่แค่ทำตามเป้าหมาย แต่ตั้งทำให้ดีกว่าเป้าหมาย" นายสมคิด กล่าว
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้ขอให้รัฐวิสาหกิจเลื่อนแผนงานหรือโครงการลงทุนให้เร็วขึ้น (Front – Loaded) ซึ่งจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเริ่มลงในในช่วงครึ่งหลังของปี ให้ขยับขึ้นมาเป็นภายในครึ่งปีแรก โดยพบว่ามีโครงการที่สามารถ Front-Loaded มาเป็นช่วงครึ่งปีแรกได้ราว 4,426 ล้านบาท รวมทั้งจะสามารถ Front – Loaded โครงการในอนาคตให้มาเริ่มลงทุนได้ภายในปี 2560 ด้วยอีก 15,013 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปี 2560 นี้ รัฐวิสาหกิจทั้ง 45 แห่ง จะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายที 55,000 ล้านบาท
ส่วนกรณีการแก้ไขเอกสารประกวดราคา(TOR) โครงการงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทาง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่างานราว 9.9 หมื่นล้านบาทนั้น นายสมคิด กล่าวว่า หากจะมีการรื้อ TOR ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีนี้
"นโยบายคือต้องพยายามไม่ให้ช้า ถ้าช้า ต้องให้ช้าน้อยที่สุด เม็ดเงินที่เบิกจ่ายต้องให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้" นายสมคิด กล่าว
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจสะสมในปีงบประมาณ 2560 ล่าสุดจนถึงสิ้นเดือนม.ค.60 พบว่า สามารถเบิกจ่ายได้แล้ว 32,509 ล้านบาท คิดเป็น 73% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม โดยรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีงบประมาณ สามารถเบิกจ่ายได้ 26,224 ล้านบาท คิดเป็น 69% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีปฏิทิน สามารถเบิกจ่ายได้ 6,285 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุน
ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่และสามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) การประปาส่วนภูมิภาค บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) การเคหะแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม
นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายว่าในช่วงที่ยังเหลืออีก 1 เดือนก่อนจะสิ้นไตรมาสแรกในปีนี้ หากรัฐวิสาหกิจทั้ง 45 แห่งสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 55,000 ล้านบาท ก็จะทำให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโตได้ถึง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้
สำหรับแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ 2560 นี้ อยู่ที่ราว 3.58 แสนล้านบาท แบ่งเป็น แผนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการตามปีงบประมาณ จำนวน 34 แห่ง รวม 1.76 แสนล้านบาท และแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามปีปฏิทิน จำนวน 11 แห่ง อีก 1.81 แสนล้านบาท โดยรัฐวิสาหกิจจะต้องเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 95% ของกรอบเงินลงทุนทั้งปีตามที่ ครม.กำหนดไว้
ทั้งนี้ ในปี 2559 ที่ผ่านมา การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1 ขยายตัว 9.8% ไตรมาส 2 ขยายตัว 8.2% ไตรมาส 3 ขยายตัว 10.5% และไตรมาส 4 ขยายตัว 12.3% ซึ่งเฉลี่ยแล้วในปี 2559 การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวได้ 10% และเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2559 เติบโตได้ถึง 3.2% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สวนกระแสโลก
นายเอกนิติ กล่าวถึงโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจมูลค่ารวม 4,440 ล้านบาท ที่จะเร่งรัดให้เร็วขึ้นจากช่วงครึ่งปีหลังมาเป็นภายในครึ่งปีแรกนี้ เช่น โครงการขยายการจำหน่ายพลังไฟฟ้า ของ กฟน. มูลค่า 3,358 ล้านบาท , โครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศ ของ ปตท. มูลค่า 423 ล้านบาท, โครงการปรับปรุงระบบวิทยุสื่อสารทดแทนของเดิม ของบริษัทวิทยุการบิน และโครงการขยายจุดให้บริการไปรษณีย์ ของ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นต้น
ส่วนโครงการที่จะเลื่อนการลงทุนเข้ามาเป็นภายในปี 2560 มูลค่ารวม 15,013 ล้านบาท เช่น โครงการของการเคหะแห่งชาติ 10,651 ล้านบาท และโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 4,362 ล้านบาท