นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เสวนาพิเศษในหัวข้อ "สิทธิประโยชน์จากการจดแจ้งทางภาษีอากรและการใช้งบการเงินที่ถูกต้อง" เพื่อแนะนำผู้ประกอบการให้จัดทำงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ พร้อมรับนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.62 เป็นต้นไป สถาบันการเงินต้องใช้บัญชีและงบการเงินที่ผู้ประกอบการแสดงต่อกรมสรรพากร เป็นหลักฐานในการทำธุรกรรมทางการเงินและการขออนุมัติสินเชื่อ
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้ผนึกกำลังในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของกรมสรรพากรได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้เสียภาษีที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ มาตรการภาษีเพื่อการลงทุน มาตรการภาษีสำหรับการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) หักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริม New Start-up มาตรการภาษีส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปนิติบุคคล ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ประกอบการบางรายยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการเสียภาษีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ส่งผลให้เสียโอกาสทางธุรกิจ และเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง
นายประสงค์ กล่าวว่า กรมสรรพากรพร้อมรับ Thailand 4.0 ด้วยการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านระบบ PromptPay ซึ่งช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในกระบวนการคืนภาษี และลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเงินสดของประเทศในภาพรวมอีกด้วย รวมถึงการนำระบบ electronic เข้ามาให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติทางภาษีอากร เช่น E-filing/ E-tax invoice/ E-receipt/ E-withholding tax ซึ่งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สนับสนุนการดำเนินการของกรมสรรพากรอย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ