บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ในปี 60 มีการคาดการณ์หน่วยอาคารชุดเปิดตัวใหม่จะใกล้เคียงในปี 59 ประมาณ 55,000-60,000 หน่วย โดยโครงการเปิดตัวส่วนใหญ่ในครึ่งปีแรกเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดตัวจากไตรมาส 4/59 และอาคารชุดระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH),บมจ.ศุภาลัย (SPALI),บมจ.แสนสิริ (SIRI), บมจ.สิงห์ เอสเตท (S), บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ (A) และ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP เริ่มขยายฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดบนมากขึ้น
สำหรับทำเลที่มีแนวโน้มการเปิดตัวสูงในปีนี้ คือ ทำเลใจกลางเมือง อโศก พร้อมพงษ์ เอกมัย, ทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนนุช-แบริ่ง สมุทรปราการ, ทำเลถนนพระราม 9-รัชดาภิเษก
ปัจจัยบวกที่คาดว่ามีผลต่ออาคารชุด ได้แก่ เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องในระดับ 3.2% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยว, ดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ, ความชัดเจนของรถไฟฟ้า 3 สาย: สายสีส้มฝั่งตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี),สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี), สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง)
ขณะที่ปัจจัยลบ ได้แก่ ต้นทุนการก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน, ที่ดินมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ, หนี้ครัวเรือนชะลอตัวลงแต่ยังคงตัวอยู่ในระดับสูง จากในปี 59 ที่อยู่ในระดับประมาณ 81%, ธนาคารยังคงเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อ, ความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐ ในส่วนภาษีที่ดิน, หลักเกณฑ์ใหม่ของโครงการบ้านประชารัฐ และผลกระทบทางอ้อมผ่านตลาดทุนจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกประเทศ เช่น Brexit, นโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ LPN สรุปภาพรวมอาคารชุดเปิดตัวใหม่ปี 59 ว่า ภาพรวมการเปิดตัวอาคารชุดใหม่มีจำนวนโครงการเปิดตัว 108 โครงการ หรือ 57,699 หน่วย ลดลง 4% จากปีก่อนที่มีการเปิดตัว 124 โครงการ หรือ 60,017 หน่วย เนื่องจากผู้ประกอบการเน้นการเปิดตัวโครงการระดับราคามากกว่า 3.0 ล้านบาท ประกอบกับ ในช่วงไตรมาส 4 มีการเลื่อนการเปิดตัวโครงการ 6,740 หน่วยไปในปี 60 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและสอดคล้องกับข้อจำกัดด้านกำลังซื้อในตลาดราคาต่ำกว่า 3.0 ล้านบาท สะท้อนได้จากยอดขายเฉลี่ยของโครงการระดับราคามากกว่า 3.0 ล้านบาทคิดเป็น 56% ในขณะที่กลุ่มราคาต่ำกว่า 3.0 ล้านบาท มียอดขายเฉลี่ยเพียง 43%
นอกจากนี้ มูลค่าการเปิดตัวในช่วงปี 59 ลดลง 26% จากปีก่อน เนื่องจากมีหน่วยเปิดตัวลดลง และมีสัดส่วนของโครงการราคาตั้งแต่ 3.0 ล้านบาทอยู่ที่ 56% ต่ำกว่าปี 58 ซึ่งอยู่ที่ 62% นอกจากนี้ยังมีการเลื่อนเปิดตัวโครงการในระดับราคามากกว่า 3.0 ล้านบาทไปช่วงต้นปี 60
เมื่อเปรียบเทียบโครงการย้อนหลัง 3 ปี พบว่าขนาดห้องเริ่มต้นที่มีขนาดต่ำกว่า 25 ตร.ม. มีการเปิดตัวสูงสุดโดยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น จากปีก่อนประมาณ 7% ทั้งนี้ภาพรวมโครงการขนาดห้องต่ำกว่า 25 ตร.ม. กลับมีจำนวนน้อยลง โดยโครงการส่วนใหญ่ยังคงเน้นการขายขนาดห้อง 26-35 ตร.ม. มากขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี 58 โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65%
โดยขนาดห้องเฉลี่ย 26-30 ตร.ม. มีการเปิดตัวสูงสุด 42% เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปีพบว่า ขนาด 28 ตร.ม. มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนการเปิดตัวสูงสุดตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2559 จาก Regent Green Power ที่เปิดตัวขนาด 28 ตร.ม. สูงสุดคือ ที่ 34%
ขณะที่ขนาดห้องเฉลี่ย 22.5 ตร.ม. มีสัดส่วนการเปิดตัวสูงสุดที่ 9% จาก LPN ที่มีสัดส่วนทางการตลาด 50% และเมื่อเปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี พบว่า ในปี 58 ภาพรวมการเปิดขายห้องขนาด 22.5 ตร.ม. มีสัดส่วนลดลง โดยส่วนใหญ่จะเน้นการขายห้องที่มีขนาด 24 ตร.ม. จาก PS ที่เปิดตัวประมาณ 70%