น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กยศ.อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายลูกเพื่อรองรับการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ซึ่งเป็น พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 ม.ค.60 และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือราววันที่ 26 ก.ค.60
โดยสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ จะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษา ด้วยการเพิ่มการให้กู้ยืมมากลักษณะขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแบ่งเป็น 4 ลักษณะ คือ 1.ขาดแคลนทุนทรัพย์ 2.ศึกษาในสาขาวิชาความต้องการหลักต่อการพัฒนาประเทศ 3.ศึกษาในสาขาขาดแคลนหรือมุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ และ 4.เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ
ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกองทุน โดยเฉพาะในส่วนการติดตามหนี้ที่เป็นสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือ ได้กำหนดให้องค์กรนายจ้างมีหน้าที่หักเงินได้ที่มาจากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือนค่าจ้างฯ ของผู้กู้ยืมที่เป็นพนักงานลูกจ้างนำส่งกรมสรรพากรพร้อมกับการนำส่งภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายเพื่อชำระหนี้คืนกองทุน
นอกจากนี้ กยศ. สามารถขอข้อมูลหรือเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็นของผู้กู้ยืม เพื่อประโยชน์ในการบริหารกองทุนและการติดตามการชำระเงินคืนเท่านั้น ซึ่งกฎหมายใหม่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงมิให้ผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ต้องเสียเบี้ยปรับและถูกดำเนินคดี/บังคับคดี เนื่องจากที่ผ่านมา กยศ.มีฐานข้อมูลของผู้กู้ยืมที่ไม่เป็นปัจจุบัน ทำให้ยากต่อการติดต่อสื่อสารและไม่มีมาตรการเชิงบังคับในการชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
"โดยภาพรวมแล้ว พ.ร.บ.ใหม่ฉบับนี้ จะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างเป็นระบบในการส่งเสริมวินัยทางการเงิน ป้องกันความเสี่ยงของผู้กู้ยืม รวมถึงสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อเงินกู้ยืมที่นำมาจากงบประมาณแผ่นดิน เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน นักศึกษาในรุ่นต่อไป" ผู้จัดการ กยศ.ระบุ