(เพิ่มเติม) พาณิชย์ เปิดแจง TOR ประมูลข้าวเข้าอุตสาหกรรม ปริมาณรวม 3.66 ล้านตัน 10 มี.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 7, 2017 17:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบให้กรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐออกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 3.66 ล้านตัน ตามแผนการระบายที่คณะกรรมการ นบข. เห็นชอบ

ทั้งนี้ กรมฯ ได้มีกำหนดจะเชิญผู้สนใจเข้ามารับฟังการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกประกาศประมูล (TOR) ดังกล่าวนี้ ในวันที่ 10 มี.ค.60 เวลา 13.00 น. ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารกองมาตรฐานสินค้านำเข้าส่งออก กรมการค้าต่างประเทศ หลังจากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองคุณสมบัติวันที่ 20 มี.ค.60 และยื่นซองเสนอราคาวันที่ 23 มี.ค.60

สำหรับข้าวสารในสต็อกของรัฐที่นำออกมาจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรมในครั้งนี้ เป็นข้าว 17 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 100 % ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และ ปลายข้าว A1 ปริมาณรวมทั้งสิ้น 3.66 ล้านตัน จำนวน 278 คลัง ใน 39 จังหวัด

นางดวงพร กล่าวต่อว่า หลังจากคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกรัฐได้ออกประกาศให้ผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 16 ก.พ.60 ปริมาณ 2.86 ล้านตัน ปรากฏว่ามีผู้สนใจยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐ จำนวน 66 ราย โดยเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 48 ราย ใน 185 คลัง ปริมาณ 2.03 ล้านตัน (คิดเป็นร้อยละ 71 ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) โดยชนิดข้าวที่มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 745,236.54 ตัน รองลงมา คือ ข้าวขาว 5% ปริมาณ 479,761 ตัน คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได้นำผลการพิจารณาเบื้องต้น ซึ่งมีข้อสังเกตว่าราคาเสนอซื้อสูงสุดของข้าวหอมมะลิบางคลังต่ำกว่าราคาเสนอซื้อข้าวขาวและปลายข้าว เสนอให้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณา

คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้พิจารณาแล้วเห็นควรตกลงขายในส่วนที่ราคาเสนอซื้อสูงสุด สอดคล้องตามชั้นคุณภาพข้าวในตลาด และได้นำปัจจัยอื่นๆ มาประกอบการพิจารณาตัดสินใจขาย เช่น คลังขนาดเล็กและปริมาณข้าวเหลือไม่มาก ควรระบายเพื่อปิดคลังและลดภาระของรัฐ หรือข้าวชนิดที่ขายยากและมีปริมาณมาก และเป็นคลังขนาดใหญ่ ซึ่งเคยนำออกมาจำหน่ายแล้วแต่ไม่สามารถจำหน่ายได้ ควรจำหน่ายออกไปเพื่อตัดภาระในการเก็บรักษาและความเสื่อมสภาพ ราคาที่เสนอซื้อ รวมทั้งพิจารณาโดยเทียบเคียงกับราคาจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐที่ผ่านมา โดยไม่พิจารณาจำหน่ายข้าวในคลังที่มีการเสนอราคาซื้อสูงสุดที่ต่ำเกินไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาเชิงลบและส่งผลเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบการค้าข้าวและเศรษฐกิจโดยรวมของทั้งประเทศ ตลอดจนผลกระทบต่อตลาดและราคาข้าวนาปรังที่กำลังจะออกสู่ตลาด

คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้สรุปผลการพิจารณาเสนอประธานกรรมการ นบข.พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2560 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด โดยตกลงขายจำนวน 41 ราย ใน 127 คลัง ปริมาณ 1.35 ล้านตัน (คิดเป็น 47.18% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อ 13,199.66 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้กรมฯ จะมีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ภายใน 15 วันทำการต่อไป

"สาเหตุที่อนุมัติขายไปเพียง 1.35 ล้านตัน จากที่เสนอราคาสูงสุด 2.03 ล้านตัน เนื่องจากเพราะพบว่าบางคลังมีการเสนอราคาต่ำมาก โดยข้าวหอมมะลิเสนอราคาต่ำกว่าข้าวขาว 5% และปลายข้าว จึงตัดเกณฑ์ราคาใหม่ โดยใช้ฐานราคาซื้อข้าวขาว 5% ที่เสนอมาเฉลี่ยตันละ 9,450 บาท ดังนั้นข้าวหอมมะลิจะต้องอนุมัติขายตันละหมื่นบาทขึ้นไป หากต่ำกว่าหมื่นบาทก็ไม่ขาย" นางดวงพร กล่าว

อย่างไรก็ดี หากรวมการอนุมัติขายข้าวครั้งนี้ 1.35 ล้านตัน จะทำให้เหลือข้าวในสต็อกประมาณ 6.66 ล้านตัน ซึ่งนับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ ได้มีการอนุมัติขายข้าวไปแล้ว 10.11 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 103,000 ล้านบาท และในเดือนเม.ย.นี้ จะประกาศขายข้าวในกลุ่มสุดท้าย หรือข้าวเสื่อมสภาพที่เก็บนานเกิน 5 ปี ซึ่งต้องระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น โดยมีข้าวในกลุ่มนี้เหลืออยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าตัน

ขณะที่การส่งออกข้าวไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 6 มี.ค.60 ส่งออกได้แล้ว 2 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2% ที่ส่งออกประมาณ 2.05 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่ทั้งปีนี้คาดว่าจะส่งออกได้ตามเป้าหมาย 10 ล้านตัน เพราะขณะนี้มีสัญญาณความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประเทศจีน ศรีลังกา อิรัก อิหร่าน เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ