นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เผยมอบนโยบายการทำงานให้พาณิชย์ภาค (Mini MOC) ที่มีอยู่ทั้ง 6 ภาค ไปดำเนินการตรวจสอบสถานการณ์ผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกสู่ตลาดตามฤดูกาลทุกรายการสินค้า โดยให้ประเมินแนวโน้มผลผลิต สถานการณ์ด้านราคา และการจัดทำแผนงานด้านการตลาดเพื่อช่วยระบายผลผลิตออกสู่ตลาด เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ และกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร
"ในแต่ละปี ช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด มักจะมาควบคู่กับปัญหาราคาตกต่ำ และกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร เพราะขายผลผลิตได้ไม่คุ้มกับต้นทุน แม้ว่ากระทรวงฯ จะมีการจัดทำแผนรับมือไว้ล่วงหน้าในแต่ละพืชเกษตรแล้ว แต่ก็ต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำแผนรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะไม่อยากจะใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพียงอย่างเดียว" นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลราคาสินค้าเกษตรที่จะออกสู่ตลาดตามฤดูกาลนั้น พาณิชย์จังหวัดจะเป็นทัพหน้า เพราะเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่จะรู้ว่าช่วงนี้ผลผลิตอะไรกำลังออกสู่ตลาด สถานการณ์ด้านราคาเป็นยังไง แนวทางการให้ความช่วยเหลือ เช่น การจัดหาตลาดรองรับ การระบายผลผลิตออกจากแหล่งผลิตการเชื่อมโยงตลาดเป็นยังไง ถ้าทำได้และแก้ปัญหาในพื้นที่ได้เลย ก็ให้รีบดำเนินการ แต่ถ้าปัญหาสินค้าตัวใด ไม่สามารถแก้ได้ ก็ให้นำเสนอเข้าสู่ส่วนกลาง จะได้หามาตรการในระดับนโยบายเข้าไปช่วยเหลือต่อไป
"สินค้าเกษตรตามฤดูกาลที่จะออกสู่ตลาดที่จะต้องติดตามก็คือข้าวนาปรัง ที่จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป มันสำปะหลังที่ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดในขณะนี้ รวมถึงหอมแดง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง มันฝรั่ง ที่อยู่ในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาด ก็ต้องไปติดตามดูว่า แต่ละตัวมีปัญหาด้านการตลาดอย่างไร จะต้องเร่งแก้ปัญหาลักษณะใด" นางอภิรดี กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากได้มอบนโยบายไปแล้วพาณิชย์ภาคได้มีการรายงานผลการดำเนินงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการจัดทำแผนรับมือพืชเกษตรของกลุ่มจังหวัดเป็นรายตัว และยังได้มีการลงพื้นที่ไปสำรวจปริมาณผลผลิตและรับฟังปัญหาจากเกษตรกรอย่างใกล้ชิดซึ่งทำงานกันเป็นทีม สามารถบริหารจัดการและดูแลพืชเกษตรไม่ให้มีราคาตกต่ำ และแก้ไขปัญหาราคาพืชเกษตรตกต่ำอย่างได้ผล
ด้านนายธวัชชัย เหล่าวิรุฬห์ พาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า พาณิชย์ภาค 2 (Mini MOC 2) ซึ่งมีนางกุลณี อิศดิศัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าภาค 2 ได้หารือร่วมกับพาณิชย์จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ในเรื่องการบริหารการจัดการสินค้าเกษตรที่สำคัญของพื้นที่ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่มันสำปะหลังออกสู่ตลาดมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ปลูกมันสำปะหลังมากที่สุดในประเทศ มีพื้นที่เพาะปลูกว่า 1.9 ล้านไร่ ผลผลิตประมาณ 7 ล้านตัน มีเกษตรกร 73,000 ครัวเรือน ขณะนี้ผลผลิตได้เก็บเกี่ยวไปแล้วกว่า 60 % หรือประมาณ 4 ล้านตัน และยังมีโรงแป้ง 24 แห่ง มีลานมันอีกประมาณ 150 ลาน ซึ่งจากศักยภาพของโรงแป้งและลานมันในพื้นที่ สามารถดูดซับผลผลิตมันสำปะหลังในจังหวัดใกล้เคียงได้อีกหลายจังหวัด
"พาณิชย์จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ออกติดตามกำกับดูแลการรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ได้แก่ การติดป้ายแสดงราคารับซื้อหัวมันสด การตรวจสอบเครื่องชั่ง เครื่องตรวจวัดเชื้อแป้ง เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกร ปัจจุบันราคารับซื้อหัวมันสดที่เชื้อแป้ง 25% ราคา 1.70-1.85 บาท /กก." นายธวัชชัย กล่าว
นอกจากนี้ พาณิชย์จังหวัดยังได้หามาตรการที่จะส่งเสริมให้เกิดการมีช่องทางผลิตและแปรรูปสินค้าได้มากขึ้นตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ทั้งการส่งเสริมการปลูกมันสำปะหลังพันธุ์ที่สามารถรับประทานเป็นอาหารได้การแปรรูปเป็นมันเส้นสะอาดส่งเข้าโรงงานเอทานอลและส่งออกไปผลิตแอลกอฮอล์รวมทั้งนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับพืชเกษตรอื่นๆ ในเร็วๆ นี้ ผลผลิตข้าวนาปรังจะเริ่มออกสู่ตลาด สำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว ได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบปริมาณผลผลิต ติดตามสถานการณ์ราคา และทำการเชื่อมโยงผู้ซื้อพบผู้ขาย เพื่อเป็นการรับมือผลผลิตออกสู่ตลาดแต่เนิ่นๆ แล้ว และมั่นใจว่า จะสามารถบริหารจัดการและดูแลราคาข้าวเปลือกนาปรังที่กำลังจะออกสู่ตลาดได้แน่นอน