น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการประชุม World Economic Forum - Grow Asia เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา สนค.ได้มีโอกาสหารือเพิ่มเติมกับภาคเอกชน อาทิ คณะทำงานประชารัฐด้านการเกษตรสมัยใหม่ และคณะทำงานประชารัฐด้านการส่งออกและการลงทุน รวมถึงธุรกิจส่งเสริมนวัตกรรมด้านเกษตรและอาหาร โดยล่าสุด ได้หารือแนวทางความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) และธุรกิจบ่มเพาะวิสาหกิจนวัตกรรม (Accelerator / Startup Bootcamp) ในสินค้าเกษตรและอาหาร อาทิ ID Capital (Singapore) และ Cinnamon Bridge (UK) เพื่อหาแนวทางผลักดันนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นกลไกเชื่อมโยงการค้าสู่เศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่น
โดยพบว่าแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเอเชียกำลังเข้าสู่วัฒนธรรมสังคมเมืองและสังคมผู้สูงอายุ ผู้บริโภคยุคใหม่จะให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก รวมทั้งเลือกซื้อสินค้าที่ให้ประโยชน์ ตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น แนวโน้มดังกล่าวเป็นโอกาสที่ธุรกิจการค้าสินค้าเกษตรและอาหารของไทยจะได้เร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาดในระดับภูมิภาคและต่างประเทศ ซึ่งเป็นความท้าทายของภาครัฐด้วยเช่นกัน ที่จะต้องดูแลปกป้องและใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกอบการไทยและเกษตรกรในท้องถิ่นมากที่สุด
โฆษกกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลการหารือในครั้งนี้ จะนำไปสู่การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา โดยภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนด้านการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (Innovation-driven Enterprises: IDEs) โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร การสร้างสื่อกลางพบปะหารือ (Platform) ระหว่าง IDEs กับธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนา Startup รวมทั้งธุรกิจร่วมลงทุน ซึ่งภาคธุรกิจพร้อมที่จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ โครงการ Startup ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า IP-IDE Center ภายใต้กรมทรัพย์สินทางปัญญา และสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม ภายใต้กรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดเลือกธุรกิจสินค้านวัตกรรมเกษตรและอาหารที่มีศักยภาพไปพัฒนาต่อยอดสู่ตลาดต่างประเทศต่อไป