พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SME Revolution : พร้อมกล่าวปาฐกถา หัวข้อ "เส้นทางสายโอกาสเอสเอ็มอี 4.0" ว่า SME เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาประเทศตามยุทธศาตร์ชาติ เพราะเป็นฐานรากทางเศรษฐกิจที่จะต้องส่งเสริมให้มีความเข้มแข็งเพื่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในภาพรวม เพื่อสร้างรายได้และนำมาลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันการพัฒนา SME ในทุกมิติ และหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางภูมิศาตร์ของภูมิภาคมาใช้ประโยชน์
รัฐบาลจะผลักดันให้ SME เข้าสู่เศรษฐกิจที่เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยใช้ผลการวิจัยสร้างนวัตกรรมเชิงพาณิชย์การผลิตอย่างเต็มรูปแบบ และต้องให้ความรู้ด้านการตลาดโดยเฉพาะการผลิตที่ตรงความต้องการกับตลาดส่งออก และกระจายการพัฒนาสู่ระดับภูมิภาค เพื่อไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค และส่งเสริมให้ SME มีจิตวิญญาณในการประกอบธุรกิจอย่างมีระบบมีการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่เพียงแค่การผลิตขั้นพื้นฐาน หรือรับจ้างผลิต
นอกจากนี้ รัฐบาลยังแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนของ SME พร้อมทั้งส่งเสริมความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการประกอบธุรกิจ โดยรัฐบาลได้ตั้งกองทุนพัฒนา SME ตามแนวทางประชารัฐ ในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท สนับสนุนกลุ่ม SME ที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนและช่วยเหลือ SME ให้เข้าสู่ SME 4.0 และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ต้นทุนต่ำกว่าปกติ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความช่วยเหลือกลุ่ม SME ที่มีปัญหาโดยมีกองทุนฟื้นฟู SME วงเงิน 2 พันล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านหนี้ค้างชำระ หนี้ NPL แต่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ พร้อมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาทของ SMEBank ที่มาสนับสนุนผู้ประกอบการด้านการเงิน โดยจัดสรรให้กับทุกจังหวัดในสัดส่วน ตามศักยภาพและเศรษฐกิจของจังหวัด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่ารัฐบาลได้ผลักดันโครงการต่างๆเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการประกอบธุรกิจ SME ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และการเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งกับพื้นที่เศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการส่งเสริมสตาร์ทอัพ