นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากอัตรา 7% ในขณะนี้ เพราะมองว่าภาวะเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ที่ผ่านรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจกำลังไปได้ดีแล้ว พอมีข่าวว่าจะขึ้น VAT ก็สะดุดแย่ไปกันหมด
ทั้งนี้ VAT เป็นภาษีทางอ้อมที่เก็บจากคนจนและคนรวยเท่าเทียมกัน หากรัฐบาลจะขึ้นภาษี VAT ก็ต้องมีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้วย แต่ยังไม่ใช่ในจังหวะเวลานี้ เพราะเศรษฐกิจเพิ่งฟื้นตัว การขึ้นภาษีจะกระชากให้เศรษฐกิจชะลอไปอีก เหมือนกรณีนโยบายธนู 3 ดอก ของนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหัวทิ่มมา 3 ปีแล้ว
“เป็นข่าวที่ไม่ได้ส่งผลดี สถานการณ์กำลังดีๆ อยู่ๆ ก็มีข่าวนี้โผล่มา ผมว่าเราต้องเป็นคนหูหนัก อย่าไปเชื่อข่าว โดยเฉพาะที่บอกต่อๆ กันในโซเชียลมีเดีย อย่าไปฟังเสียงคนอื่น คอยดูปาก รมว.คลังคนเดียว ตอนนี้เรากำลังช่วยกันทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า จึงขอความร่วมมืออย่าเล่นแต่ข่าวร้ายๆ"นายสมคิด กล่าว
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตก เพราะหนี้สาธารณะต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ยังอยู่ที่ 44% ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นหรือสหรัฐที่มีระดับหนี้สาธารณะสูงถึง 100% และการปฏิรูปภาษีก็เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังดำเนินการอยู่ ซึ่งมีทั้งภาษีทางตรงและภาษีทางอ้อม
"การปรับเปลี่ยนต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมว่าใครควรรับผิดชอบตอนไหน เช่น ภาษีมรดก ที่ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่แค่เรื่อง VAT แต่เป็นเรื่องภาษีทั้งระบบ ใครที่ควรเสียภาษีก็ต้องเสีย รวมทั้งการบริหารจัดการงบประมาณรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน"นายสมคิด กล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การกล่าวถึงภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อวานนี้ เป็นเพียงการอธิบายถึงระบบภาษีกับการพัฒนาประเทศเท่านั้น
"เมื่อวานผมพูดอธิบายเรื่องระบบภาษีว่าประชาชนเรียกร้องขอโน้นขอนี้ ผมอยากจะให้ แต่กลับมาว่าผมต้องการขึ้นภาษี ไม่เข้าใจหรืออย่างไร อะไรก็ได้ที่เป็นปัญหา ที่เป็นความขัดแย้ง เขียนกันเข้าไป เขียนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งกันเข้าไป ข้างในไม่มีอะไรหรอกเหมือนที่ผมพูด ข้างหน้าขอให้ได้เขียนเถอะ ให้คนซื้อหนังสือพิมพ์ น่ารังเกียจนะผมบอกให้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว