นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังคำชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 ปริมาณ 3.66 ล้านตัน ซึ่งคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐได่รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ให้ออกประกาศการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐฯ ดังกล่าว
สำหรับข้าวในปริมาณ 3.66 ล้านตันที่จะเปิดประมูลล็อตแรกนี้ ประกอบด้วย 1.ข้าวทุกชนิดเกรด P/A/B/C ที่มีข้าวไม่ตรงตามมาตรฐาน ข้าวผิดไปจากมาตรฐาน ข้าวผิดชนิด (ข้าวในคลังไม่ตรงกับชนิดที่ระบุตามบัญชีรับข้าวเข้าคลัง) ปนอยู่ ซึ่งไม่สามารถนำไปปรับปรุงและไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภคของคน ปริมาณรวม 3.66 ล้านตัน จำนวน 278 คลัง ใน 39 จังหวัด และ 2.ข้าว 17 ชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100 % ชั้น 2 ข้าวหอมจังหวัด ข้าวขาว 5% ข้าวปทุมธานี 5% ข้าวขาว 10% ข้าวขาว 15% ข้าวขาว 25% เลิศ ข้าวปทุมธานี ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวท่อนหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมจังหวัด ข้าวท่อนปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ปลายข้าวหอมจังหวัด ปลายข้าวปทุมธานี ปลายข้าว A1 เลิศ และ ปลายข้าว A1
ทั้งนี้ ผู้เสนอซื้อต้องเป็นนิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ไม่ใช่การบริโภคของคน โดยจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์และประเภทของอุตสาหกรรมที่จะนำข้าวไปใช้ และรับรองว่าจะไม่นำข้าวดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าข้าวปกติเพื่อการบริโภคของคนทุกรูปแบบ โดยต้องนำไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่แจ้งไว้เท่านั้น ทั้งนี้ ภาครัฐจะมีมาตรการตรวจสอบการนำข้าวไปใช้ในอุตสาหกรรมตามวิธีการที่ทางราชการกำหนด
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในวันที่ 13-17 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-16.00 น.จะเปิดให้ผู้สนใจเข้าดูสภาพข้าวในคลังสินค้า หลังจากนั้นในวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 09.00-12.00 น. เปิดยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอราคาซื้อ และวันที่ 23 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น.ประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นครบถ้วน พร้อมให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ และจะเปิดซองเสนอราคาซื้อภายในวันเดียวกัน
นางดวงพร กล่าวว่า เงื่อนไขการเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ จะกำหนดให้ผู้ซื้อต้องส่งรายงานรับรองว่านำข้าวที่ประมูลได้ไปใช้ในอุตสาหกรรมที่แจ้งไว้ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จะส่งทีมออกไปตรวจสอบโรงงานว่าได้ดำเนินการตามแผนที่แจ้งไว้หรือไม่ หากไม่นำข้าวไปใช้ตามที่แจ้ง ผู้ที่ชนะประมูลจะถูกยึดหลักประกัน และถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"เงื่อนไขการประมูลรอบนี้ จะแตกต่างกับการประมูลข้าวปกติ เพราะเป็นข้าวที่ไม่ใช่เพื่อการบริโภคของคน ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมพลังงาน ฯลฯ สามารถเข้าร่วมประมูลได้หมด จึงต้องวางระบบไม่ให้ข้าวเหล่านี้เข้ามาปะปนกับตลาดปกติ เพราะจะส่งผลเสียหายต่อข้าวปกติได้ โดย อคส.จะชี้แจงวิธีการตรวจสอบดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 17 มี.ค.นี้" นางดวงพร กล่าว
สำหรับสถานการณ์ข้าวขณะนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่า ผลผลิตข้าวเปลือกนาปรังปี 60 ที่จะทยอยออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ จะมี 6 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งไม่น่าห่วง แม้ว่ารัฐบาลจะระบายข้าวออกมามาก แต่ก็เข้าสู่ตลาดที่ไม่ใช่การบริโภคของคน จึงไม่กระทบต่อราคา แต่ที่เป็นกังวลคือผลผลิตข้าวนาปี ฤดูกาลผลิต 60/61 ที่จะออกมาในช่วงเดือนต.ค. ซึ่งได้มีการหารือถึงมาตรการรองรับไว้แล้ว
"สิ้นเดือน เม.ย.จะเห็นภาพรวมของข้าวที่รับมาทั้งหมด 17.7 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 6.6 ล้านตัน และกำลังระบายออกไปอีก 3.66 ล้านตัน รวมทั้งเดือนเม.ย.จะระบายออกอีก 1 ล้านกว่าตัน หากขายได้หมดจะทำให้ข้าวเหลือน้อย ซึ่งยังมีระยะเวลาอีก 5 เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ย. ที่จะสะสางข้าวที่ประมูลไม่ได้และนำมาประมูลใหม่ ก่อนที่ข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่จะออกมา" นางดวงพร กล่าว
อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 มี.ค.60 ส่งออกข้าวแล้ว 2.18 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 59 คิดเป็นมูลค่า 31,700 ล้านบาท ลดลง 3%