นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ว่า ได้มีการสั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมและความคืบหน้าแผนปฏิบัติการ EEC ในแต่ละโครงการให้มีความชัดเจน เพื่อที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมนโยบายฯ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก และหลายประเทศให้ความสนใจโครงการ EEC และเชื่อว่าเมื่อมีการประกาศแผนงานที่ชัดเจนประเทศเพื่อนบ้านคงต้องมีการขยับตัวด้วยเช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.- ระยองนั้น ได้เตรียมประกาศ TOR ให้ได้ช่วงก่อนกลางปีนี้ และเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้แน่นอน และต้องทำให้เกิดการเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงกับ 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังเห็นชอบให้มีการจัดตั้งเมืองการบินภาคตะวันออกในสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมในเรื่องอุตสาหกรรมการบิน เรื่องระบบโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องกับการบินทั้งหมด พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ามาร่วมในการพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งเชื่อว่าความพร้อมของสนามบินอู่ตะเภาจะไม่แพ้สนามบินสุวรรณภูมิเลย
สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-curve) ในพื้นที่ EEC นายสมคิด กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมนำเสนอโครงการรถยนต์ไฟฟ้าเสนอต่อที่ประชุมครม.ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมความพร้อมในอุตสากรรมอื่นๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ในช่วงปลายปีนี้ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร เป็นต้น
ทางด้านการพัฒนาเมืองใหม่ นายสมคิด ระบุว่า ได้มีการสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมความพร้อมโครงการ ซึ่งจะมีการพัฒนาเมืองใหม่หลังจากโครงการด้านการบินและรถไฟเดินหน้าไปแล้ว