น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออก เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ และมะม่วง เป็นต้น โดยผลไม้จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่สิ้นเดือน มี.ค.2560 เป็นต้นไป และจะออกมามากในช่วงเดือนเม.ย. หลังสงกรานต์ และจากการที่ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือ ทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต การกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดปลายทางโดยเร็ว ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ภาคตะวันออกจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาดีอีกปีหนึ่ง
“ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี สภาเกษตรจังหวัดจันทบุรี หอการค้าจังหวัดจันทบุรี เครือข่ายธุรกิจบิสคลับจันทบุรี สหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ จำกัด และเกษตรกรประมาณ 20 คน ได้ข้อมูลตรงกันว่า สถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออกปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่มีตลาดรองรับหมดแล้ว"
ทั้งนี้ ในส่วนของทุเรียนที่ผลผลิตจะเริ่มออกมากตั้งแต่เม.ย.นั้น มั่นใจว่าไม่มีปัญหาด้านราคา เพราะผลผลิตมีตลาดรองรับ ทั้งการจำหน่ายในประเทศและส่งออก และชาวสวนยังได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ โดยเฉพาะการจัดกินทุเรียนบุฟเฟ่ต์ ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 19 สวน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยระบายผลผลิตทุเรียน แต่ยังช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากินทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากพัทยาในลักษณะ One Day Trip
ขณะเดียวกัน ยังพบว่า มีเกษตรกรบางรายที่ได้ปรับตัวเป็น Smart Farmer ที่หันมาปลูกทุเรียนอินทรีย์ โดยสามารถขายทุเรียนได้แพงถึงลูกละ 3,600 บาท ภายใต้แบรนด์ EXOTIQ นำไปขายที่ห้างพารากอน โดยผลผลิตสามารถทำได้ปีละ 500 ลูกเท่านั้น มีเพียง 2 พันธุ์ คือ หมอนทองและก้านยาว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้เกษตรกรมีการนำแนวทางเกษตรอินทรีย์ และเกษตรผสมผสาน มาพัฒนาผลไม้ในภาคตะวันออกต่อไป