น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุม นบข. เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 ที่มีแผนตั้งแต่ช่วงการผลิต การประมาณการการผลิต การเก็บเกี่ยว การตลาด นวัตกรรม โดยในเรื่องการผลิต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เน้นเรื่องโครงการนาแปลงใหญ่ กับนาแปลงใหญ่เกษตรอินทรีย์ โดยจะไม่เน้นปริมาณแต่จะเน้นคุณภาพ เน้นการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นจากการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการปลูกข้าว
สำหรับแผนการเก็บเกี่ยว นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่า จากกรณีที่มีปัญหาในเรื่องผลผลิตข้าวที่ออกมาแล้วมีรถเกี่ยวข้าวไม่เพียงพอ ก็ให้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและผู้ประกอบการ เพื่อจัดหารถเกี่ยวข้าวให้เพียงพอ โดยเฉพาะรถเกี่ยวข้าวที่ผลิตได้ภายในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุนจัดหารถเกี่ยวข้าวให้เพียงพอ โดยอยากให้ใช้รถเกี่ยวข้าวของคนไทยเพื่อช่วยคนไทย
นอกจากนี้มีเรื่องการพัฒนาโรงสี ยกระดับโรงสี และเรื่องการตลาด ที่ให้มีการจัดหาตลาด เชื่อมโยงตลาดที่ซื้อขายในปัจจุบันตั้งแต่ต้นปี 2560 ที่ให้ดำเนินการและให้เชื่อมโยงต่อไป ขณะที่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ จะมีเรื่องตลาดกลางซื้อขายข้าวสารที่กำลังดำเนินการอยู่
สำหรับด้านการตลาดต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีแผนเปิดตลาดรองรับข้าวที่จะออกมารอบ 2 และข้าวรอบใหม่ตามแผนครบวงจรด้วย ทั้งนี้ ในเรื่องการผลิต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เน้นที่จะเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิต จึงได้มีการเสนอโครงการของบประมาณเข้ามาเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 รวม 3 โครงการ คือ 1. โครงการส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี 2. โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบนาแปลงใหญ่ (หลักเกณฑ์ใหม่) 3. โครงการส่งเสริมระบบการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (ข้าวอินทรีย์)
นอกจากนี้ ที่ประชุม นบข. ยังมีการหารือถึงแผนการระบายข้าวคงเหลือในสต็อกของรัฐ ที่เหลือจากการระบายจำนวน 8 ล้านตันตามที่ นบข.ได้ให้กรอบไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 โดยข้าวจำนวน 8 ล้านตันได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1. ข้าวที่ยังมีคุณภาพ สามารถบริโภคได้ประมาณ 3 ล้านตัน ที่ได้เปิดประมูลข้าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวน 2.86 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้ขายได้ 1.3 ล้านตัน ส่วนที่เหลืออยู่อีก 1.5 ล้านตัน ได้ขออนุมัติหลักการเพื่อนำออกมาประมูลรอบใหม่ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
2. ข้าวที่ไม่เหมาะสมกับการบริโภค ให้นำเข้าสู่อุตสาหกรรม ที่ได้เปิดประมูลไปแล้ว 3.66 ล้านตัน ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ยื่นเสนอซื้อข้าวมาแล้ว 19 ราย โดยในวันพรุ่งนี้ (23 มี.ค.) เป็นกำหนดวันเปิดซองประกวดราคาเสนอซื้อ ซึ่งจะทำให้ทราบจำนวนข้าวและราคาข้าวที่ผู้ประกอบการต้องการขอซื้อ ทั้งนี้ คาดว่าอาจจะขายได้ไม่หมด 3.66 ล้านตันในรอบนี้ จึงได้ขออนุมัติในหลักการจาก นบข. เพื่อนำข้าวที่เหลือไปประมูลรอบใหม่ในเดือนมิถุนายน 60
3. ข้าวที่เสื่อมสภาพ เก็บไว้เกิน 5 ปี จำนวน 1 ล้านตันเศษ จะเปิดประมูลรอบแรกต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะต้องไปสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหารคนและอาหารสัตว์
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยหลักการที่ขออนุมัติในวันนี้คือกรณีของข้าว 3 กลุ่มดังกล่าว ที่เปิดประมูลแล้วแต่ยังขายไม่หมดในรอบนี้ ก็จะขอนำออกมาประมูลใหม่ในรอบถัดไป คือช่วงเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สำหรับข้าวส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ข้าวกลุ่มที่ 1 ที่ยังมีคุณภาพพอใช้ได้ มีจำนวนเหลือประมาณ 1 ล้านกว่าตันนั้น คาดว่าตลาดจะรับได้ โดยข้าวจำนวนนี้สามารถบริโภคภายในประเทศ และนำไปปรับปรุงเพื่อการส่งออกได้
ส่วนข้าวที่ต้องเข้าสู่อุตสาหกรรม ที่มีจำนวนมากนั้น จะต้องทยอยออกโดยจะมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดไม่ให้ข้าวจำนวนนี้ไหลกลับเข้ามาสู่ตลาดปกติ ซึ่ง อคส. และ อตก. ได้จัดมาตรการควบคุมแล้ว รวมทั้งได้มีการชี้แจงต่อสื่อและชี้แจงต่อผู้เข้าร่วมประมูลไปเมื่อ 17 มีนาคมที่ผ่านมา โดยจะมีกระบวนการดำเนินการไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ จากข้อจำกัดต่าง ๆ มีความจำเป็นต้องเร่งระบายข้าวในสต็อก เพื่อไม่ให้ข้าวเสื่อมสภาพไปมากกว่านี้ และพยายามไม่ให้เหลือข้าวจำนวนมาก ที่จะมากดทับตลาดและอาจจะส่งผลกระทบต่อข้าวฤดูใหม่ที่จะออกมาในช่วงปลายปี