นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) หาผู้ติดตั้งระบบเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋า แบ่งเป็นที่สนามบินสุวรรณภูมิ 23 สายพาน และที่สนามบินดอนเมือง สมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต อีก 6 สายพาน วงเงินประมาณ 2 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบกระเป๋าเดินทางที่โหลดจากเครื่องบินเข้ามาในประเทศไทยทุกใบ ป้องกันไม่ให้นำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าแบรนด์เนม รวมถึงวัตถุต้องห้ามตามอนุสัญญาไซเตสว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ เช่น นอแรด งาช้าง ตลอดจนสารตั้งต้นยาเสพติด อาวุธ สารเคมีที่เสี่ยงต่อการก่อการร้าย
การติดตั้งนี้ยังรวมถึงห้องควบคุมเครื่องเอ็กซเรย์ที่ทันสมัย สามารถดูการเอ็กซเรย์ค่อมสานพานลำเลี่ยงได้ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ หรือย้อนภาพกลับมาตรวจสอบซ้ำก็ได้ ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งเสร็จในปี 60 และเริ่มใช้ในปี 61
นายกุลิศ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ด่านศุลกากรทั่วประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการนำเข้าบุหรี่ สุรา เบียร์ ไวน์ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ามาขายในไทยอย่างไม่ถูกกฎหมาย หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีการขยายเพดานอัตราการจัดเก็บภาษีสินค้าหลายชนิดสูงขึ้น เช่น บุหรี่เพดานภาษีสูงสุดถึงมวนละ 5 บาท หรือซองละ 100 บาท ซึ่งหากขึ้นจริงถือมีมูลค่าสูงมาก และอาจทำให้คนสนใจกระทำผิดโดยลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศเพิ่มขึ้น