นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเฉพาะขึ้นมารองรับโครงการ EEC คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีนี้ โดยขณะนี้รัฐบาลได้นำมาตรา 44 มาบังคับใช้เป็นการชั่วคราว ดังนั้น ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างไร โครงการนี้ก็ยังเดินหน้าต่อไป
โครงการ EEC คือโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดภาคสองที่มีการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ในอดีต ซึ่งในวันที่ 5 เม.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการ EEC นัดแรกที่ จ.ระยอง เพื่อสรุปความคืบหน้าโครงการ
ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังทยอยพิจารณาโครงการที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในการพัฒนา EEC เช่น หลักเกณฑ์การส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะเสนอ ครม.ในอีก 2 สัปดาห์
"เรากำลังพิจารณาแนวทางที่จะช่วยให้คนในพื้นที่ให้ได้รับผลประโยชน์เช่นเดียวกับนักลงทุน เพื่อไม่ให้เกิดการต่อต้านเหมือนก่อนหน้านี้" นายคณิศ กล่าว
นายคณิศ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จจากโครงการ EEC จะขยายการพัฒนาโครงการเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งคาดว่าภายใน 1 ปีน่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรม
สำหรับโครงการ EEC จะเป็นกลไกขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นการสานต่อความร่วมมือด้านการลงทุนจากญี่ปุ่น ซึ่งเคยให้การสนับสนุนโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ดเมื่อกว่า 30 ปีก่อน และเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของไทยมาตลอด เชื่อว่าจะมีการลงทุนในโครงการนี้กว่า 5 แสนล้านบาทในช่วง 5 ปีแรก โดยจะมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ สนามบิน ท่าเรือ ทางด่วน รถไฟไฮสปีด รถไฟทางคู่ สถาบันการศึกษา เป็นต้น