นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนา คาดช่วงเดือน เม.ย.ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ น้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสุกร ขณะที่ข้าวและกุ้งมีแนวโน้มราคาลดลงเล็กน้อย
โดยสินค้าเกษตรที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่า ราคาเฉลี่ยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.50-3.00% ราคาอยู่ที่ 6.58-6.67 บาท/กก. เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดรุ่น 2 เริ่มหมดจากตลาด และเข้าสู่ฤดูกาลปลูกข้าวโพดรุ่น 1 (ปลูกเดือน เม.ย.-มิ.ย.) ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
น้ำตาลทรายดิบ คาดว่า ราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์คในตลาดโลก จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.00-5.00% ราคาอยู่ที่ 19.46-20.07 เซนต์/ปอนด์ (15.11-15.48 บาท/กก.) เนื่องจากการเข้ามาซื้อน้ำตาลทรายดิบคืนจากตลาด (Short-covering) ของนักลงทุน ประกอบกับผลผลิตอ้อยในอินเดียและจีนมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกของเดือนเมษายนลดลงตามไปด้วย
มันสำปะหลัง คาดว่า ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.97-5.26% ราคาอยู่ที่ 1.55-1.60 บาท/กก. เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลง และราคาส่งออกมันเส้นและแป้งมันสำปะหลังมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี
ยางพารา คาดว่า สถานการณ์ราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.26-9.00% ราคาอยู่ที่ 76.88-79.61 บาท เนื่องจากเข้าสู่ฤดูยางผลัดใบ ทำให้ผลผลิตบางส่วนหายไปจากตลาด
ปาล์มน้ำมัน คาดว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย 1.21-5.26% ราคาอยู่ที่ 5.00-5.20 บาท/กก. เนื่องจากการดำเนินการตามประกาศแนะนำราคารับซื้อของกระทรวงพาณิชย์ ส่งผลต่อราคาปาล์มน้ำมัน
สุกร คาดว่า ราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.00-5.00% ราคาอยู่ที่ 59.66-61.41 บาท/กก. เนื่องจากปริมาณการบริโภคเนื้อสุกรจะเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลเช็งเม้ง
ส่วนราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มลดลง ได้แก่ ข้าว คาดว่า ราคาเฉลี่ยข้าวเปลือกเจ้า 5% ที่เกษตรกรขายได้จะลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย 1.0-3.7% ราคาอยู่ที่ 7,200-7,400 บาท/ตัน ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่เกษตรกรขายได้จะลดลงจากเดือนก่อน 0.9-3.0% ราคาอยู่ที่ 9,000-9,200 บาท/ตัน และราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวจะลดลงจากเดือนก่อน 0.4-2.2% อยู่ที่ราคา 11,000-11,200 บาท/ตัน เนื่องจากการประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมของภาครัฐในปริมาณมาก และอุปทานข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากผลผลิตข้าวนาปีของเวียดนามและอินเดียที่จะออกสู่ตลาดก่อนหน้านี้
กุ้ง คาดว่า ราคาเฉลี่ยกุ้งขาวแวนนาไมที่เกษตรกรขายได้จะลดลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย 0.29-4.71% ราคาอยู่ที่ 215-225 บาท/กก. เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมแหล่งเพาะเลี้ยงและสถานการณ์โรค EMS ได้คลี่คลายลง เกษตรกรสามารถผลิตกุ้งออกสู่ตลาดได้ปริมาณเพิ่มขึ้น