นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2560 เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคใต้ ภาคตะวันออก และกทม.-ปริมณฑล โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อย สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาค รวมถึงการขยายตัวต่อเนื่องของภาคเกษตรและภาคการท่องเที่ยว สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจทุกภูมิภาคยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
ภาคใต้ เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีการบริโภคภาคเอกชน ภาคเกษตรและการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวที่ 3.1% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนยังขยายตัวในอัตราเร่ง สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวที่ 23.1% ต่อปี ตามการขยายตัวในเกือบทุกจังหวัด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเกษตร
สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถปิคอัพจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 11.1% ต่อปี ส่วนด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนขยายตัว 2.7% ต่อปี ตามการขยายตัวทั้งผู้เยี่ยมเยือนคนไทยและคนต่างประเทศที่ 4.7% และ 1.5% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นทั้งผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัว สำหรับด้านเสถียรภาพภายในภูมิภาคยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 1.8% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 1.5% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันออก เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีการบริโภคภาคเอกชน ภาคเกษตร และการท่องเที่ยวเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ สะท้อนจากเครื่องชี้ด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวในอัตราเร่งที่ 20.0% ต่อปี ประกอบกับการบริโภคสินค้าคงทนยังขยายตัวได้ดี จากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวที่ 19.1% ต่อปี ตามการขยายตัวในทุกจังหวัด สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรเริ่มมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่และเงินลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 27.4% และ 144.5% ต่อปี
ส่วนด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนขยายตัว 11.9% และ 13.2% ต่อปี ตามลำดับ ตามการขยายตัวทั้งผู้เยี่ยมเยือนคนไทยและคนต่างประเทศ สอดคล้องกับภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัว สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 1.8% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 0.8% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
กทม.และปริมณฑล เศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยมีการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวที่ 0.6% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคในหมวดสินค้าคงทนปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งที่ 11.9% ต่อปี ตามการขยายตัวในทุกจังหวัด เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวที่ 1.2% และ 17.0% ต่อปี รวมถึงเม็ดเงินลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 32.2 ต่อปี จากการลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการ และนครปฐม เป็นสำคัญ
นอกจากนี้รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องที่ 30.5% ต่อปี สำหรับด้านอุปทาน ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขยายตัวต่อเนื่องที่ 0.6% ต่อปี ส่วนด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำที่ 1.3% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคม อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคกลาง เศรษฐกิจขยายตัวในเกณฑ์ดี จากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนในสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อยปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งที่ 18.9% ตามการขยายตัวได้ดีในเกือบทุกจังหวัด สอดคล้องกับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน สะท้อนจากยอดรถปิคอัพและยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 4.4% และ 20.7% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้ดีทั้งจำนวนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนที่ 3.6% และ 3.5% ต่อปี ตามลำดับ ตามการขยายตัวได้ดีทั้งจากผู้เยี่ยมเยือนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ ในขณะที่ด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำที่ 1.4% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 1.7% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น จากการบริโภคภาคเอกชน ภาคเกษตร และการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 2.6% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อยปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งที่ 13.1% ตามการขยายตัวได้ดีในเกือบทุกจังหวัด เนื่องจากรายได้เกษตรกรปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับการลงทุนภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวในภูมิภาค สะท้อนจากรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคขยายตัว 5.6% ต่อปี อย่างไรก็ดีการลงทุนภาคเอกชน ยังคงทรงตัวจากเดือนก่อน
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน จากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศที่ขยายตัว 9.0% และ 22.1% ต่อปี ตามลำดับ สอดคล้องกับรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนที่ขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน ที่ขยายตัว 10.2% ต่อปี สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคภายในภูมิภาคที่ 1.6% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 1.3% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคเหนือ เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น โดยมีการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และภาคเกษตร เป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญ สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อยปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งที่ 13.1% ตามการขยายตัวได้ดีในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน และกำแพงเพชร เป็นต้น นอกจากนี้การลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ขยายตัวในอัตราเร่ง 9.3% ต่อปี สอดคล้องกับการลงทุนภาครัฐที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดีและยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวในภูมิภาค สะท้อนจากรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลในภูมิภาคขยายตัว 12.7% ต่อปี
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการเกษตรปรับตัวดีขึ้นจากผลผลิตสำคัญ อาทิ ข้าวเปลือก ข้าวโพด และอ้อยโรงงาน เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวภายในภูมิภาค ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวทรงตัว สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 1.8% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค
ภาคตะวันตก เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น จากการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก สะท้อนจากเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนของผู้มีรายได้น้อยปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจากยอดรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งที่ 10.4% ตามการขยายตัวได้ดีในเกือบทุกจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเพชรบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี เป็นต้น โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่การลงทุนยังคงทรงตัวจากเดือนก่อน
สำหรับด้านอุปทาน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวภายในภูมิภาค สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนที่ขยายตัวในอัตราเร่งที่ 17.5% ต่อปี ตามการขยายตัวของผู้เยี่ยมเยือนคนไทยเป็นสำคัญที่ 20.2% สอดคล้องกับรายได้จากการเยี่ยมเยือนที่ขยายตัวในอัตราเร่งเช่นกันที่ 36.1% ต่อปี ตามการขยายตัวของรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนทั้งคนไทยและคนต่างประเทศที่ 44.8% และ 11.6% ต่อปี ตามลำดับ สำหรับด้านเสถียรภาพภายในยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการบริโภคภาคเอกชนภายในภูมิภาคที่ 2.0% ต่อปี และอัตราการว่างงานในเดือนมกราคมอยู่ที่ 0.4% ของกำลังแรงงานรวมของภูมิภาค