นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค.59 – ก.พ.60) ว่า รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 852,823 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 24,771 ล้านบาท (คิดเป็น 2.8%) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากช่วงเดียวกันปีที่แล้วได้มีการนำส่งสภาพคล่องส่วนเกินของทุนหมุนเวียน และการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่กิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz (4G) เป็นสำคัญ
ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,382,079 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 70,653 ล้านบาท (คิดเป็น 5.4%) ประกอบด้วย รายจ่ายปีปัจจุบัน 1,248,640 ล้านบาท คิดเป็น 45.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 5.2% และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 133,439 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 7.5%
ทั้งนี้ รายจ่ายปีปัจุบันจำนวน 1,248,640 ล้านบาท ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ 1,108,810 ล้านบาท (คิดเป็น 50.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง 2,188,075 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.7% และรายจ่ายลงทุน 139,830 ล้านบาท (คิดเป็น 25.7% ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง 544,925 ล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 18.5%
โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 234,330 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนก.พ.60 มีจำนวนทั้งสิ้น 108,471 ล้านบาท
"การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณกว่า 1.38 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แสดงถึงความพยายามของรัฐบาลในการเร่งรัดเบิกจ่ายของงบประมาณ และในขณะเดียวกันรัฐบาลยังคงบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม" ผู้อำนวยการ สศค.ระบุ
ขณะที่เฉพาะเดือนก.พ.60 รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 24,859 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 16,232 ล้านบาท ในขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณขาดดุล 8,627 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนก.พ.60 มีจำนวน 108,471 ล้านบาท