นายสมปอง อินทร์ทอง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า แม้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการวินด์ฟาร์มจะจบสิ้นลงแล้ว และทั้ง 16 บริษัท รวม 17 โครงการจะได้ดำเนินการขออนุญาตถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดของส.ป.ก. ก็ตาม แต่หลังจากนี้ ส.ป.ก.จะดำเนินการใน 3 เรื่อง
เรื่องแรก คือ ให้ฝ่ายกฎหมายของ ส.ป.ก.จะทบทวนข้อความในประกาศ ส.ป.ก.ข้อ 1.5 จาก "กิจการที่เป็น การผลิตหรือเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคม" เป็น "กิจการที่เป็นประโยชน์กับเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน"
"เนื่องจาก Wording ในประกาศ ส.ป.ก.ข้อ 1.5 เขียนไว้ค่อนข้างกว้างขวาง เกรงว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจจะทำให้คนเข้าใจไขว้เขวว่า ส.ป.ก.จะจัดสรรที่ดินเพื่อการอื่น ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ซึ่งจะพยายามคิดทบทวนว่าควรจะเขียนอย่างไรให้สอดคล้องกับกฎหมายและถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของส.ป.ก. ซึ่งเดิมก็ไม่ได้ผิด เพียงแต่เกิดความกังขา และความสงสัยในสังคมว่าถ้อยคำเกินอำนาจหรือเกินวัตถุประสงค์หรือเปล่า โดยคาดว่าจะได้ข้อยุติภายในไม่เกินวันที่ 18 เม.ย.นี้" นายสมปองกล่าว
จากนั้นจะนำไปสู่การพูดคุยกับสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกันทุกฝ่ายทั้งตามนโยบายพลังงานและตามกฎหมายส.ป.ก. คาดว่าจะพยายามให้ได้ข้อสรุปภายใน 30 เม.ย.นี้
"ที่จะคุยกับฝ่ายพลังงาน คือ กระบวนการขออนุญาตทั้งหมด, สิ่งที่จะทบทวนในประกาศข้อ 1.5, การคิดรายได้ที่จะเข้ามาสู่ภาครัฐว่าควรจะเป็นอย่างไรจึงจะสมเหตุสมผล" เลขาธิการ ส.ป.ก.กล่าว
ส่วนขั้นตอนต่อไป เมื่อได้ข้อยุติกับฝ่ายพลังงานแล้ว จะนำบทสรุประหว่างภาครัฐกับภาครัฐไปหารือกับภาคเอกชน ซึ่งเบื้องต้นจะพยายามหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมกังหันลม ผู้ประกอบการพลังงานกังหันลม เพื่อจะได้เข้าใจในเจตนารมณ์ของภาครัฐมากขึ้น ที่สำคัญคือจะได้ไปปฏิบัติเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรหรือคนในชุมชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง คาดว่าราวเดือนพ.ค.จะได้ข้อยุติในการพูดคุยกับเอกชนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน จากนั้นจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอให้พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พิจารณาอีกครั้ง
"หากจะต้องเสนอ คปก.ก็เสนอ แต่ถ้าเป็นเรื่องระหว่างส.ป.ก.กับรัฐมนตรีก็อาจจะดำเนินการได้เลย ต้องดูผลยุติสุดท้ายที่ดีที่สุด ที่ทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยึดหลักคำพิพากษาของศาลด้วย เพราะคำพิพากษาของศาลได้วางแนวทางเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่ ส่วน 16 บริษัท รวม 17 โครงการนั้น ถ้ามีข้อสรุปของมาตรการใหม่ที่ ส.ป.ก.ได้หารือกับทุกฝ่ายแล้ว ก็จะต้องดำเนินการตามมาตรการใหม่นี้ด้วย รวมทั้ง 5 รายที่ดำเนินการไปแล้วก็ต้องทำตามมาตรการใหม่นี้ด้วย" นายสมปอง กล่าว
ในส่วนของรายได้ที่ ส.ป.ก.จะได้รับจากกิจการกังหันลม จะมีการทบทวนทุกสัญญาว่าเป็นสัมปทานหรือไม่ และจะมีการทบทวนทุก 5 ปี เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อมีการขยับทุกปี ยกตัวอย่างกรณี มีบางรายขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ถือเป็นกิจการที่เอกชนลงทุนกับรัฐ เป็นสัมปทานเพียงเจ้าเดียว ได้กำไรแน่นอน ซึ่งในกรณีแบบนี้ก็จะมีการหารือกับกระทรวงพลังงานด้วย
"จะคุยกับกระทรวงพลังงานให้เข้าใจว่า ในเมื่อมีบางรายจ่ายไฟให้รัฐแล้วกติกาเป็นอย่างไร จะรับมาแล้วไปศึกษารายละเอียดว่าควรจะมีมาตรการเพิ่มเติมไหม หรือควรคิดอัตราค่าเช่าแบบก้าวหน้าหรือไม่ แต่คาดว่าไม่น่าจะต้องไปดูถึงกฎหมายสัมปทานด้วย...ซึ่งกฎหมายส.ป.ก.จะดูแค่กิจการอะไรก็แล้วแต่ที่ขอใช้ที่ดินส.ป.ก.เกี่ยวข้องกับเกษตรกรไหม เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนในพื้นที่หรือไม่ เรามีหลักเกณฑ์พิจารณาอยู่... คาดว่าจะพยายามปรับปรุง ทบทวนข้อกฎหมายต่างๆ ให้รอบคอบ รัดกุมที่สุด และจะพยายามทำให่เสร็จก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ" เลขาธิการ ส.ป.ก.ระบุ
ทั้งนี้ ในประกาศของ ส.ป.ก.ระบุว่า "ผู้ประกอบกิจการจ่ายค่าเช่าที่ดินให้ ส.ป.ก. 35,000 บาท/ปี/ไร่ ตามมติคปก. กำหนด และปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาเช่ากับ ส.ป.ก. เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินได้รับประโยชน์จริง จากการตรวจสอบจากเกษตรกร พบว่า ได้รับค่าชดเชยในพื้นที่ตั้งกังหันลม (ต่อปี) ค่าชดเชยสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่รัศมีโครงการ(ต่อปี) ค่าชดเชยพืชผล (ครั้งเดียว) การจ้างแรงงานในพื้นที่ การส่งเสริมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งได้รับการสนับสนุนการจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่ งานวันสำคัญทางศาสนา รวมถึงได้รับการพัฒนาถนนสาธารณะ และการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นต้น"