นางสุทัศษา เหล่าหงษ์เกียรติ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในปีนี้ ภาครัฐได้พยายามที่จะสร้างแคมเปญเพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้าไปท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนมากขึ้น โดยจะนำมาซึ่งการเติบโตของตัวเลขการท่องเที่ยวทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ แต่ที่สำคัญมองว่าควรจะเพิ่มในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศและชาวไทยจากตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขน่าจะเติบโตได้อย่างที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ คือเติบโตทะลุ 10% ได้
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เก่า) ถือว่าโชคดีที่ประเทศไทยเคยเจอเหตุการณ์ต่างๆมาค่อนข้างบ่อย และพบว่าตัวเลขการท่องเที่ยวไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยอัตราการจองห้องพักของโรงแรมที่มี อัตราการเข้าพัก (Occupency Rate) ดีอยู่แล้วนั้น ตอนนี้ก็สูงกว่า 80% และแนวโน้มอัตราจองห้องพักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทุกพื้นที่น่าสูงขึ้นจากปีที่แล้วด้วย
"สงกรานต์ปีนี้ นักท่องเที่ยวน่าจะมากขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งจากการรณรงค์ให้ท่องเที่ยวไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา และปีนี้ยังมีแคมเปญการท่องเที่ยววิถีไทย ทำให้คนในกลุ่มใหม่ๆ เกิดความสนใจอยากไปสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวนั้นด้วยตัวเอง" นางสุทัศษา กล่าว
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากันเอง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากแคมเปญที่กระตุ้นให้คนไทยหันมาท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งปริมาณของประชากรไทยมากพอที่จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศเติบโต และช่องว่างของนักท่องเที่ยวไทยที่โดยปกติน้อยกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเชื่อว่าปีนี้การเติบโตของนักท่องเที่ยวคนไทยน่าจะมากกว่าเดิม
ในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น มองว่ากระแสของนักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักเดินทางเท่าใดนัก
"อัตราแลกเปลี่ยน หรือแม้แต่ข่าวสารต่างๆ ไม่ใช่แค่เมืองไทย แต่ทั่วโลกเองก็มีข่าวสารต่างๆ มากมาย แต่การส่งเสริมการตลาดและแคมเปญต่างๆ จะช่วยทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวยังคงคึกคัก" นางสุทัศษา กล่าว
ส่วนปัญหาการสู้รบระหว่างสหรัฐฯ กับซีเรียนั้น จะทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ๆ เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการทดแทนกันในเรื่องปริมาณ และคุณภาพ จึงส่งผลให้การจับจ่ายยังคงมีอัตราที่สูงขึ้นอยู่
"เราได้เช็คจากกลุ่มผู้ประกอบการด้านโรงแรม รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่างๆ ในชุมชนแล้ว พบว่าจำนวนและบรรยากาศยังคงคึกคัก โดยพบว่ายอดการจองแพ็คเกจทัวร์ หรือการจองที่พักผ่านช่องทาง Digital Marketing มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับการซื้อแพ็คเกจแบบเดิมๆ" นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย ระบุ
ด้านนางแก้วตา ม่วงเกษม อาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เทรนด์การท่องเที่ยวกำลังมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป จะมีความเชื่อมโยงกับ Digital Marketing และ Social Media มากขึ้น เทรนด์การท่องเที่ยวของโลกจะให้ความสนใจเรื่องรูปภาพกับเนื้อหาเป็นสิ่งที่สำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก โดยเฉพาะรูปภาพและภาพเคลื่อนไหวที่มีความสำคัญมากกว่า 50%
ทั้งนี้ ในปี 60 ถ้าผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโรงแรม บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ ต้องการให้ธุรกิจมีการเติบโตจำเป็นอย่างมากที่จะต้องปรับตัวในเรื่องของการทำตลาดแบบออนไลน์ อันดับแรกต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร กลุ่มไหน ต้องให้ความสำคัญกับการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการกลุ่มลูกค้าแบบไหน หรือวางตำแหน่งสินค้า/บริการของเราไว้ระดับไหน ก็ต้องเรียนรู้พฤติกรรมของคนกลุ่มนั้นๆ ว่าต้องการอะไร หรือมีรูปแบบในการท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินอย่างไร ชอบกินมากกว่าเที่ยว หรือชอบเที่ยวแบบไหน ชอบกิจกรรมหรือไม่
นอกจากนี้ การสร้าง Content ทำภาพสวย Presentation แนะนำสินค้าและบริการ การสร้าง Original Content ให้เชื่อมโยงกับ Social Media เช่น facebook และ Youtube เป็น Platform ในการทำการตลาด ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ควรจะมี สร้างกรุ๊ปไลน์ ทำเว็บไซต์ที่กลุ่ม รวมทั้งจะต้องสอดประสานช่องทางการตลาดออนไลน์ ทำการตลาดออนไลน์ควบคู่กับการทำ Event เรื่องของการจองตรงจากเว็บไซต์เราเองโดยไม่ต้องผ่านตัวแทนจำหน่าย อย่าง agoda, booking.com
ตลอดจนการสร้างประสบการณ์มากกว่าราคา โดยจะทำอย่างไรให้ลูกค้าที่เคยมาใช้บริการครั้งแรกกลับมาใช้บริการซ้ำ จะสร้างจุดเด่นให้แก่ที่พักหรือบริการของเราอย่างไร เพราะปัจจุบันเรื่องของการทำเว็บไซต์โปรโมทก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป ต้องหันกลับมาดูว่าเป็นเพราะอะไร เว็บไซต์ไม่น่าสนใจ หรือคนไม่รู้จัก เว็บไซต์มีการอัพเดตข้อมูลหรือไม่ หรือเรื่องของชื่อแบรนด์ ชื่อเว็บไซต์ที่ยากเกินไป จดจำยาก สะกดยากก็อาจเป็นอุปสรรคในการเข้าถึง เรื่องเหล่านี้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาและให้ความสำคัญ