สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เผยแพร่ร่างประกาศ กกพ.เรื่องการจัดหาไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ.... โดยเตรียมรับซื้อไฟฟ้าไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น จากหน่วยงานราชการไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตรไม่เกิน 119 เมกะวัตต์ โดยให้ยื่นคำร้องขอเป็นเจ้าของโครงการระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค.และจับสลากในวันที่ 5 มิ.ย. เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายใน 31 ธ.ค.61
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า จากการหารือระหว่างกกพ.และคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ข้อสรุปว่าการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยงานราชการนั้นมีเพียงองค์การทหารผ่านศึก เป็นหน่วยงานของส่วนราชการที่สามารถดำเนินโครงการได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จากที่ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่าหน่วยงานราชอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัย ไม่มีวัตถุประสงค์ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย จึงทำให้โควตาของส่วนราชการที่จะรับซื้อได้จำกัดเพียง 100 เมกะวัตต์เท่านั้น
"เรารับซื้อไฟฟ้าจากส่วนราชการได้เพียง 100 เมกะวัตต์ เพราะเท่าที่ตรวจสอบพบว่ามีเพียงองค์การทหารผ่านศึก ที่สามารถดำเนินโครงการได้ ส่วนของทหารเรือยังไม่แนใจ เพราะกฤษฎีกาตีความว่าส่วนราชการไม่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย องค์การทหารผ่านศึกมีพื้นที่อยู่ทั่วประเทศค่อนข้างมาก"นายวีระพล กล่าว
นายวีระพล กล่าวว่า สำหรับการเปิดรับซื้อจากสหกรณ์ภาคการเกษตรครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ หลังจากในรอบแรกไม่ได้รับซื้อไฟฟ้าจากพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากมีปัญหาสายป้อน (Feeder) แต่ล่าสุดทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยืนยันว่ามี Feeder รองรับการรับซื้อไฟฟ้าในรอบนี้แล้ว
ทั้งนี้ กกพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ฯ ระหว่างวันที่ 7-21 เม.ย. หลังจากนั้นจะนำเข้าสู่การพิจารณของคณะกรรมการต่อไป ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศได้อย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้
สำหรับร่างประกาศรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มดังกล่าว กำหนดรับซื้อไฟฟ้าในทุกพื้นที่ไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น หน่วยงานราชการ ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ รับซื้อไฟฟ้าทั่วประเทศไม่จำกัดพื้นที่ และสหกรณ์ภาคการเกษตร ไม่เกิน 119 เมกะวัตต์ โดยเป็นพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคกลาง 19 เมกะวัตต์ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จำนวน 100 เมกะวัตต์ มึอัตราการรับซื้อในรูปแบบ Feed-in Tariff: FiT) ที่ 4.12 บาท/หน่วย ระยะเวลา 25 ปี สำหรับโครงการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จะมีค่า FiT Premium จำนวน 0.50 บาท/หน่วย
กำหนดการในการจัดหาไฟฟ้า ให้ยื่นคำขอเป็นเจ้าของโครงการระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค.60 ,ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการ วันที่ 22-26 พ.ค.60 ,ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจคุณสมบัติผู้ที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการ วันที่ 29 พ.ค.60 ,คัดเลือกผู้ที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการที่ผ่านการตรวจคุณสบัติ (โดยวิธีการจับสลาก) วันที่ 5 มิ.ย.60 ,ประกาศผลการจับสลาก วันที่ 7 มิ.ย.60 ,ผู้ผ่านการคัดเลือกยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า วันที่ 8 มิ.ย.-9 ต.ค.60 ,ประชุมชี้แจงสำหรับผู้สนับสนุนโครงการและผู้ร่วมลงทุนภายในเดือนมิ.ย.60 ,พิจารณาคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า วันที่ 10 ต.ค.-10 พ.ย.60 และประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณา วันที่ 16 พ.ย.60 และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายในวันที่ 16 มี.ค.61 ขณะที่ต้องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ภายในวันที่ 31 ธ.ค.61
ทั้งนี้ สหกรณ์ภาคการเกษตร สามารถยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าได้รายละ 1 โครงการ และมีกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ ขณะที่หน่วยงานราชการสามารถยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าได้ 1 โครงการต่อ 1 ส่วนงาน หรือสาขาต่อ 1 พื้นที่ดำเนินการ และมีกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ต่อ 1 โครงการ
นอกจากนี้ กกพ.ยังออกประกาศร่างประกาศ เรื่อง การจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในแบบ Feed-in-Tariff ประเภทเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) เพิ่มเติมให้ครบ 10 เมกะวัตต์ สำหรับพื้นที่จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา เฉพาะอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอนาทวี พ.ศ.... โดยได้เปิดรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 7-21 เม.ย.60
สำหรับการคัดเลือกจะใช้วิธีการแข่งขันทางด้านราคา (Competitive Bidding) โดยรับซื้อไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตติดตั้งรวมไม่เกิน 8 เมกะวัตต์ กำหนดให้ยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย.60 ,ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการประเมินคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค วันที่ 3 ส.ค.60 ,การเปิดซองข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคา วันที่ 12 ก.ย.60 ,การประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก วันที่ 14 ก.ย.60 และกำหนดระยะเวลาให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและผู้ที่ได้รับคัดเลือกลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ภายในวันที่ 12 ม.ค.61 ขณะที่โครงการจะต้องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ภายในวันที่ 30 มิ.ย.62
นายวีระพล กล่าวว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพครั้งนี้ เป็นการรับซื้อต่อเนื่องจากการเปิดรับซื้อในครั้งแรกที่รับซื้อได้เพียง 2 เมกะวัตต์เท่านั้น ทำให้การรับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่นี้จะเปิดรับซื้อจำนวน 8 เมกะวัตต์
สำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนรอบแรก 78 เมกะวัตต์ที่ได้เลื่อนออกไปนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเปิดดำเนินการได้เมื่อใด เนื่องจากล่าสุดยังรอกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการดำเนินโครงการออกมาก่อน จึงจะสามารถออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ต่อไป
ส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก แบบ SPP Hybrid Firm ที่มีกำลังผลิตติดตั้ง 300 เมกะวัตต์ ปัจจุบันคณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างการร่างประกาศ ก่อนจะนำเสนอตามขั้นตอน โดยคาดว่าจะออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าวได้ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.60 ส่วนการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก แบบ VSPP Semi-Firm จากเชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ และพืชพลังงาน ทั่วประเทศ ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมกำลังผลิตติดตั้ง 289 เมกะวัตต์ คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือนต.ค.60
นายวีระพล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ กกพ.ได้เดินหน้าการพิจารณาออกใบอนุญาตต่าง ๆ ให้กับโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมต่อเนื่องแล้ว หลังจากที่ล่าสุดสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้โครงการที่เช่าพื้นที่ส.ป.ก.นั้นดำเนินการต่อไปได้ โดยปัจจุบันโครงการพลังงานลมที่มีภาระผูกพันกับภาครัฐ 1,534 เมกะวัตต์ ใช้พื้นที่ของส.ป.ก. เพื่อติดตั้งกังหันลมรวม 1,064 เมกะวัตต์ ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว 5 โครงการ รวม 490 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ส.ป.ก.จำนวน 355 เมกะวัตต์ โดยยังคงเหลืออีก 10 โครงการ ที่ใช้พื้นที่ส.ป.ก. มีกำลังผลิตรวม 710 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างรอการรับใบอนุญาตประกอบกิจการต่าง ๆ จากกกพ.