นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.49/51 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 34.54/56 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับค่าเงินเยน โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหว ในกรอบ 34.49-34.56 บาท/ดอลลาร์
"บาทแข็งค่าต่อเนื่องตามค่าเงินเยน แต่ตลาดค่อนข้างเงียบ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ" นักบริหารเงิน
กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ที่ 34.50-34.60 บาท/ ดอลลาร์
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.70 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.51 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0604 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0612 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,589.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.72 จุด, +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 32,515.52 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,031.21 ล้านบาท(SET+MAI)
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ
ครั้งที่ 2/2560 ระบุว่า ในระยะต่อไป เงินทุนเคลื่อนย้ายและอัตราแลกเปลี่ยนจะยังคงมีความผันผวนสูง โดยค่าเงินบาทสามารถ
เคลื่อนไหวได้ทั้งในทิศทางอ่อนค่าและแข็งค่า ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการคาด
การณ์ของตลาดถึงจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed เป็นสำคัญ
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดยบริษัทจัดอันดับ
ความน่าเชื่อถือ Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ว่า JCR ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาล
ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของไทยที่ระดับ A- สกุลเงินบาทที่ระดับ A และคงเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไว้ที่ระดับ
A+ โดยมีมุมมองความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ (Stable outlook)
- นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 28 ก.พ.60 ว่า มี
จำนวน 6,090,230.67 ล้านบาท คิดเป็น 41.96% ของ GDP ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนม.ค.60 ที่ 41.97%
- รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยตั้งแต่เดือนม.ค. - เม.ย.60 ว่า ตั้งแต่ 1
ม.ค.จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 10.10 ล้านคน ขยายตัว 2.11% ก่อให้เกิดรายได้ 5.29 แสนล้านบาท ขยายตัว
4.58% โดยนักท่องเที่ยว 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ลาว อินเดีย เยอรมัน สหรัฐอเมริกา และ
สหราชอาณาจักร รวมรายได้ 1.24 แสนล้านบาท
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มแรงกดดันให้แก่ประเทศคู่ค้าผ่านการออกมาตรการทางการค้าในลักษณะ
เฉพาะเจาะจงเป็นรายประเทศและรายสินค้าในช่วงครึ่งหลังของปี ผ่าน AD และ CVD หรือแม้แต่การตัดสิทธิ GSP อย่างไรก็ตาม
มูลค่าผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย ยังคงต้องรอประเมินระดับความรุนแรงของมาตรการที่สหรัฐฯ จะนำมาใช้ ตลอดจนความ
ยืดหยุ่นในการประกอบกิจการและอำนาจต่อรองของผู้ส่งออกไทยแต่ละสินค้าและแต่ละรายด้วย มีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ จะใช้
นโยบายกดดันทางการค้าที่ฉีกไปจากที่กล่าวมาข้างต้นกับกลุ่มสินค้าอื่นนอกเหนือจากสินค้าใน AD/CVD และ GSP ที่ยังต้องติดตามต่อไป
- ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้ว ทั้งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงกลุ่มประเทศกำลัง
พัฒนา สำหรับเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 นั้นยังคงมีอุปสงค์ภายในภูมิภาคเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อน
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของประเทศทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.7% ในเดือนธ.
ค. 2559 - ก.พ. 2560
- สำนักงานสถิติเกาหลีใต้ รายงานอัตราว่างงานเดือน มี.ค.ลดลง 0.1% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.2% เนื่องจาก
ภาคการก่อสร้าง และธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง จ้างงานเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบรายเดือน อัตราว่างงานลดลง 0.8% จากระดับ 5% ของเดือน
ก่อนหน้าซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 7 ปี
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--