ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนมี.ค.60 มีมูลค่าอยู่ที่ 20,888 ล้านดอลลาร์ฯ นับเป็นมูลค่าการส่งออกที่สูงที่สุดในรอบ 46 เดือน (ตั้งแต่เดือนพ.ค.55) ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นผลทางด้านราคายังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การส่งออกปรับตัวดี โดยเฉพาะสินค้าที่ราคามีความเกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันอย่างเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และน้ำมันสำเร็จรูป โดยการส่งออกสินค้าในกลุ่มดังกล่าวขยายตัวสูงถึง 46.0% ในเดือนมี.ค.60 เนื่องด้วยยังได้รับผลดีจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงก่อนหน้าบวกกับอุปสงค์ต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
การขยายตัวของการค้าโลกหนุนส่งออกไทยทางตรงและผ่านห่วงโซ่การผลิตจีนและญี่ปุ่น โดยเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นนำโดยเศรษฐกิจของประเทศแกนหลักอย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป(28) ญี่ปุ่น และจีน เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อภายในประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งช่วยผลักดันให้การนำเข้าและการส่งออกของประเทศเหล่านี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยในเดือนมี.ค.60 การนำเข้าของญี่ปุ่นและจีนขยายตัวสูงถึง 15.8% (ในรูปสกุลเงินเยน) และ 20.1% (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ฯ) ตามลำดับ ในขณะที่การส่งออกของ 2 ประเทศนี้ก็เติบโตบนเลขสองหลักที่ 12.0% (ในรูปสกุลเงินเยน) และ 16.4% (ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ฯ) ตามลำดับ หนุนให้การส่งออกไทย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รวมถึงสินค้าอาหาร ขยายตัวดีตามไปด้วย
อานิสงส์จากการเป็นฐานการผลิตรถปิ๊กอัพและจักรยานยนต์ เป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่มีส่วนช่วยสนับสนุนให้มูลค่าส่งออกปรับตัวดีขึ้น การโยกย้ายฐานการผลิตรถยนต์จากออสเตรเลียมายังไทยและอินโดนีเซียในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังผลักดันให้การส่งออกรถปิ๊กอัพ รถบัส และรถบรรทุกไปยังตลาดโอเชียเนียที่ยังขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์จากยุโรปมายังไทย ประกอบกับอุปสงค์ภายในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีส่งผลให้การส่งออกจักรยานยนต์และส่วนประกอบไปยังตลาดสหภาพยุโรป (28) ขยายตัวสูงถึง 43.5%
การก้าวเข้าสู่ยุค Internet of Things (IoT) อาจจะเป็นอีกแรงหนุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยให้ฟื้นตัว โดยการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวสูงถึง 17.4% ในเดือนมี.ค.60 มาจากวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งโดยทั่วไปวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะมีระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งหากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยสามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็น Internet of Things (IoT) ได้ การส่งออกอิเล็กทรอนิกส์อาจจะเป็นแรงหนุนภาคการส่งออกอีกแรงของไทยในปีนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จากข้อมูลการส่งออกสินค้าของไทยในในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2560 จะเห็นว่าแรงหนุนของการส่งออกไทยยังมาจากทางด้านผลของราคาเป็นสำคัญ ในขณะที่ผลทางด้านปริมาณเพิ่งเริ่มจะเห็นสัญญาณบวก จึงอาจจะยังต้องติดตามทิศทางการส่งออกสินค้าไทยอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ หากการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงสินค้ากลุ่มยานยนต์ ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่ต่อเนื่องได้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความต้องการสินค้าไทยในเชิงปริมาณ ก็น่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 2560 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 2.0%