นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2560 (เดือนตุลาคม 2559 – เดือนมีนาคม 2560) ว่ารัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,029,237 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 30,852 ล้านบาท (คิดเป็น 2.9%) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz (4G) ในปีก่อน
ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน 1,605,672 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 34,796 ล้านบาท (คิดเป็น 2.2%) ประกอบด้วยรายจ่ายปีปัจจุบัน 1,452,770 ล้านบาท คิดเป็น 53.2% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2.9% และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 152,902 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.9%
ทั้งนี้ รัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 295,592 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 141,611 ล้านบาท
“ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2560 ฐานะการคลังของรัฐบาลยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง ในขณะที่ระดับเงินคงคลังของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นจากการบริหารเงินสดเพื่อรองรับการเบิกจ่ายที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2560"นายกฤษฎา สรุป
ในเดือนมีนาคม 2560 รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 28,122 ล้านบาท โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ จำนวน 47,043 ล้านบาท ในขณะที่ดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุล จำนวน 18,921 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 มีจำนวน 141,611 ล้านบาท
การเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่สำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ เงินอุดหนุนของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 14,864 ล้านบาท รายจ่ายชำระหนี้ของกระทรวงการคลัง จำนวน 8,191 ล้านบาท และรายจ่ายอื่นของกระทรวงกลาโหม จำนวน 6,898 ล้านบาท