นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของระบบธนาคารพาณิชย์จะทยอยปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่ 3.25% หลังจากเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่ดีว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มค่อยๆฟื้นตัวขึ้น และการที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวขึ้นจะส่งผลให้ทุกภาคส่วนของประเทศมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และจะส่งผลไปถึงระบบธนาคารพาณิชย์ที่แนวโน้ม NPL จะค่อยๆลดลง
ในช่วงที่ผ่านมาที่ NPL ยังคงอยู่ไนระดับสูง เป็นเพราะมีอุตสาหกรรมบางประเภทที่ยังชะลอตัว ประกอบกับเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดีนัก ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินก็มีแนวทางในการบริหารจัดการหนี้ ทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ หรือการตัดจำหน่ายหนี้ออกบางส่วน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเพื่อรักษาระดับของ NPL ไม่ให้อยู่ในระดับที่สูงเกินไป แต่ธปท.เชื่อว่าหลังจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาแล้วจะเริ่มเห็น NPL ของระบบธนาคารพาณิชย์ค่อยๆ ปรับตัวลดลงตามลำดับ
สำหรับปัญหากรณีการเปิดเพจรับซื้อ-ขายบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มที่มีข่าวดังกล่าวออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการสร้างแรงจูงใจโดยการให้อัตราผลตอบแทนที่สูง ธปท.แนะนำให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาหากถูกชักชวน โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ประสงค์ดีหรือเข้าข่ายต้มตุ๋น และอาจเข้าเกณฑ์การฟอกเงินด้วย ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ความผิดนั้นจะมีโทษทั้งผู้ขายและผู้รับซื้อ
ในเบื้องต้นหากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถโทรสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1213 ซึ่งเป็นหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคของธปท. พร่อมกันนี้ยังได้กำชับให้สถาบันการเงินต่างๆ เฝ้าติดตาม ระมัดระวัง และตรวจสอบพฤติกรรมต่างๆ ที่อาจเข้าข่ายด้วย รวมทั้งธุรกรรมประเภทวันคอย และบิทคอย ซึ่ง ธปท.ยืนยันว่า ยังเฝ้าติดตามเป็นระยะๆเช่นกัน