(เพิ่มเติม) ส.โทรคมนาคม-ส.ธนาคารไทย ร่วมมือยกระดับความปลอดภัยธุรกรรมการเงินผ่านมือถือ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 2, 2017 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมโทรคมนาคมฯ และนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อตอบสนองนโยบายของภาครัฐตามโครงการ National e-Payment ซึ่งจะช่วยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินของประเทศ โดยผลักดันให้เกิดความร่วมมือของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และธนาคาร ตลอดจนบุคลากรและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวโดยเริ่มดำเนินการกับโครงการพร้อมเพย์เป็นลำดับแรก ซึ่งจะส่งผลต่อผู้ใช้บริการให้มีความเชื่อมั่นและผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป

สำหรับการดำเนินการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ สมาคมโทรคมนาคมฯ และสมาคมธนาคารไทยจะสนับสนุนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และธนาคารพาณิชย์ มีกลไกการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานะเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้บริการ อันจะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์สามารถดูแลผู้ใช้บริการที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้อย่างรัดกุมและมีความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ภายใต้ความสมัครใจและการให้ความยินยอมของผู้ใช้บริการ

การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความคืบหน้าในการดำเนินการหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการกำกับดูแลบริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.59 ซึ่งทั้ง 2 องค์กรได้ประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่

ที่สำคัญคือ การยกระดับกระบวนการพิสูจน์ตัวตนของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กับของธนาคารพาณิชย์ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกัน เช่น กำหนดให้การขอเปิดหรือเปลี่ยนแปลงซิมการ์ด ต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงและดำเนินการเฉพาะที่ศูนย์บริการเท่านั้น เพื่อช่วยป้องกันการทุจริต และครั้งนี้ เป็นการตกลงที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างธนาคารพาณิชย์และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเมื่อข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลง เช่น มีการเปลี่ยนหรือออกซิมการ์ดใหม่ ผู้ให้บริการจะแจ้งให้ธนาคารพาณิชย์รับทราบ เพื่อติดต่อและยืนยันความถูกต้องกับผู้ใช้บริการ ทำให้ช่วยดูแลคุ้มครองผู้ใช้บริการได้ทันท่วงที และหากเกิดปัญหาสามารถติดตามแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการมีความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่มากขึ้นต่อไป

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ทั้งสิ้นมากกว่า 21 ล้านบัญชี และมีผู้ใช้เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้น 6 ล้านหมายเลข ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถเพิ่มความสะดวก ความรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้จากในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ที่มีปริมาณธุรกรรมสูงถึง 4.3 ล้านรายการ มูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านบาท

"ธนาคารแห่งประเทศไทยเชื่อว่าพร้อมเพย์จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการชำระเงิน ลดต้นทุน รวดเร็ว และมีความปลอดภัยมาก โดยมองว่าหลังจากนี้ปริมาณธุรกรรมจะสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีปริมาณธุรกรรมสูงถึง 100,000 รายการต่อวัน จากช่วงแรกที่เปิดให้บริการมีเพียง 20,000-30,000 รายการเท่านั้น"นายวิรไท กล่าว

สำหรับในเรื่องของความปลอดภัยหลังจากนี้สมาคมโทรคมนาคมฯ และสมาคมธนาคารไทยจะประสานความร่วมมือและเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เช่น หากลูกค้ามีการเปลี่ยนเลขหมาย จะมีการส่งข้อมูลให้สถาบันการเงินรับทราบ เป็นต้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และเป็นการยืนยันตัวตนอีกช่องทางหนึ่งด้วย

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือน พ.ค.60 จะกำหนดให้มีการยืนยันตัวตนจากหมายเลขโทรศัพท์ โดยจะเริ่มจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และอีก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา คือ อ.จะนะ อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา และอ.นาทวี โดยจะให้ประชาชนในพื้นที่มาลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตน และหากพ้นกำหนดแล้วไม่มายืนยันตัวตนก็จะไม่สามารถใช้โทรศัพท์ในพื้นที่ดังกล่าวได้ และหากผู้ที่เดินทางจะไปพื้นที่ดังกล่าวจะต้องมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วย เพื่อความปลอดภัย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเหตุผลเรื่องของความมั่นคงด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ