นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากกรมฯ ได้จัดโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ YEN-D 4.0 Season III และเปิดอบรมไปแล้ว 2 รุ่น คือ รุ่นไทย-กัมพูชา และไทย-สปป.ลาว ซึ่งหลังจากจบโครงการผู้ประกอบการ YEN-D ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ได้ตกลงที่จะจัดโรดโชว์โดยเชิญผู้ประกอบการ YEN-D มาพบปะหารือและจัดให้มีเวทีเจรจาธุรกิจ (บิสสิเนส แมชชิ่ง) ระหว่างกัน เพื่อหาลู่ทางในการขยายการค้าและการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น
"ผู้ประกอบการ YEN-D ของ สปป.ลาวจะจัดกิจกรรมโรดโชว์ โดยเชิญผู้ประกอบการ YEN-D ของไทยไปพบปะหารือกันที่ สปป.ลาว ไม่ใช่แค่รุ่นที่ 3 ที่เพิ่งอบรมจบไป แต่ยังรวมรุ่น 1-2 เข้ามาด้วย เพื่อสร้างเครือข่ายให้ขยายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การค้า การลงทุนขยายตัวตามไปด้วย โดยกำหนดจัดในวันที่ 5-6 พ.ค.นี้ จากนั้น YEN-D ของกัมพูชา และเมียนมา จะจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันในวันที่ 27-28 พ.ค. และ 8-9 มิ.ย.ตามลำดับ" นางดวงพร กล่าว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ YEN-D สร้างเครือข่ายระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น ไม่ควรจำกัดแค่รุ่นใครรุ่นมัน แต่ควรขยายความร่วมมือข้ามรุ่น และขยายเครือข่ายออกไปนอกเหนือจากรุ่นที่อบรมด้วยกัน ผ่านการแนะนำของเพื่อน ซึ่งจะทำให้เครือข่าย YEN-D ขยายตัวได้เร็วขึ้น และจะช่วยส่งเสริมให้การค้าการลงทุนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ขยายตัวได้มากขึ้น
นอกจากนี้การเดินทางไปโรดโชว์ กรมฯ ยังได้จัดกิจกรรมเสริมให้กับผู้ประกอบการ YEN-D ของไทย อย่างเช่นการเดินทางไป สปป.ลาว ได้เชิญผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) เวียงจันทน์มาให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและแนวทางการทำการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว การจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจ และการศึกษาสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษบึงธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ YEN-D ของไทยด้วย ซึ่งในส่วนของกัมพูชาและเมียนมาที่จะจัดต่อไปก็จะดำเนินการในลักษณะนี้
สำหรับโครงการ YEN-D ได้จัดมาตั้งแต่ปี 2558 เพื่อสร้างเครือข่ายทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV ได้ดำเนินการมาแล้ว 3 รุ่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการรุ่นที่ 3 ซึ่งผลงานทั้ง 3 รุ่น จะมีผู้ประกอบการ YEN-D รวม 800 คน และได้เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันได้แล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท และมูลค่ากำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีความร่วมมือในการขยายการลงทุนระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นด้วย