นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่เกี่ยวข้องกับในส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวว่า ในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวฯ จะเดินสายคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เมียนมา กัมพูชา ไต้หวัน จีน รวมทั้งประเทศแถบยุโรป เช่น เยอรมนี เพื่อที่จะดึงนักลงทุนเข้ามาร่วมลงทุนใน EEC
รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวต่อว่า แผน EEC ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะสอดคล้องกับแผนพัฒนาคลัสเตอร์ Active Beach ซึ่งมีเรื่องของการท่องเที่ยวทางน้ำไว้อยู่แล้ว แต่ไม่มีเรื่องของเมดิคัล เมดิคัลเพิ่งเข้ามาใหม่ ก็จะเสริมเข้าไป และมีทีมที่ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ถ้าจะทำโรงพยาบาลก็ต้องไม่ใช่โรงพยาบาลธรรมดา ซึ่งมองว่ากลุ่มโรงพยาบาลของไทยมีศักยภาพมาก แต่ยังต้องไปคุยรายละเอียดว่า มองเรื่องของ EEC อย่างไร
"เรากำลังจะเดินสายในส่วนของเมดิคัล ซึ่งพบว่ากลุ่มโรงพยาบาลค่อนข้างตื่นตัวมากกับการลงทุนใน EEC นอกจากนี้ก็จะทำเรื่องของมารีนไทม์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้แหลมฉบัง และนักท่องเที่ยวกลุ่มเรือสำราญยังไม่ใหญ่ เป็น 2 ตัวที่ระบุมาแล้วจะอยู่ใน EEC แน่นอน โดยกระทรวงฯมีแผนจะคุยทั้งกับเอกชนของไทย และนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากความสามารถในเรื่องของเรือสำราญไทยยังไม่เก่งมาก เราจึงอยากได้ Knowhow จากคนอื่นเข้ามาเสริม ซึ่งตอนนี้ปลัดกระทรวงฯ กำลังตั้งทีมอยู่และจะมีรายใหญ่ๆมาคุย เราก็อยากจะพาไปดูสถานที่ ในส่วนของเอกชนไทยที่กำลังลงทุนหรือกำลังคิดจะลงทุน เรากำลังพูดคุยว่าติดขัดปัญหาหรืออุปสรรคตรงไหน อย่างไร แล้วก็จะเล่าภาพรวมว่าเรามองอย่างไร ยังขาดอะไร แล้วก็เชื่อมโยงกัน เช่นกลุ่มโอเชี่ยนมารีน่ายอร์ชคลับก็มีแผนจะขยายธุรกิจ ก็จะไปคุยว่าคิดอะไรอยู่ ตรงกับที่เราคิดมั้ย สอดคล้องกันมั้ย"
ทั้งนี้ คาดว่าเรื่องของมารีนไทม์ หรือการท่องเที่ยวทางน้ำ น่าจะได้ข้อสรุปก่อนโดยจะพยายามสรุปให้ได้ภายในปีนี้ เนื่องจากกัมพูชามีแผนจะเชื่อมโยงกับสีหนุวิลล์ เมืองตากอากาศชายทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดของกัมพูชา
เมื่อถามถึงเป้าหมายเม็ดเงินลงทุนใน EEC ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยในอนาคต รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า มีอยู่ในแผนคลัสเตอร์ทั้งหมดแล้ว แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือ เมดิคัล
นอกจากนี้ กระทรวงท่องเที่ยวฯ กำลังเร่งดำเนินการในส่วนของการปลดล็อกวีซ่า Work permit เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน