นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวว่า สถิติจนถึงปัจจุบัน (3 พ.ค.) มีนักท่องเที่ยวสะสมรวมกว่า 12 ล้านคนแล้ว โดยนับตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวจำนวน 11,881,434 คน ก่อให้เกิดรายได้ 614,086.04 ล้านบาท ขยายตัว 1.71% และ 3.43%จากช่วงเวลาเดียวของของปีที่ผ่านมาตามลำดับ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบาย สร้างประเทศไทยเป็น Thailand Plus One เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่จากต่างประเทศ ใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญในการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยกำหนดให้ปี 2560 นี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียนภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN@50" เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียน โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภูมิภาคได้กว่า 121 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 29 ล้านล้านบาท
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการประชุม WTTC Global Summit ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 เม.ย.ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1,200 คน จาก 57 ประเทศ มีรัฐมนตรีจาก 8 ประเทศเข้าร่วมงาน พร้อมด้วย CEO บริษัทชั้นนำ เจ้าของธุรกิจ ด้านการโรงแรม สายการบิน สนามบิน รถเช่า เรือสำราญ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและท่องเที่ยว มีสื่อต่างชาติติดตามทำข่าวกว่า 150 ราย รวมทั้งสื่อออนไลน์
ระหว่างการประชุมมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกซึ่งมีผู้ชมเกินกว่า 10 ล้านคน แสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในการจัดประชุมระดับโลก ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น สามารถสร้างศักยภาพด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และอ้างถึงรายงานประจำปี ของ WTTC ในปี 2016 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.5 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 ล้านล้านบาท ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ในอีก 10 ปี ข้างหน้า
ในการประชุม WTTC Global Summit 2017 ครั้งนี้ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Freedom to Travel - Can ASEAN Countries Lead the Way? ร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอินโดนีเซีย รัฐมนตรีท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ และผู้อำนวยการภูมิภาค จาก ICAO Asia & Pacific Office โดยกล่าวถึงการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย และอาเซียน เพื่อส่งเสริม และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังมีการประชุมหารือระดับรัฐมนตรี (WTTC/UNWTO Ministerial Dialogue) ในวาระหัวข้อ "Investments and Partnerships for Sustainable Tourism Development" และประชุมร่วมสองฝ่ายกับ 6 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก อินโดนีเซีย เกาหลี เซเชลล์ เคนย่า กัมพูชา และ องค์กรการท่องเที่ยวโลก (UNWTO) บริษัทเอกชนรายใหญ่ ซึ่งประเทศไทยได้แนะนำการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และได้ย้ำถึงความพร้อมของเราที่จะก้าวไปพร้อมชาติอาเซียน อีกทั้งการสร้างความร่วมมือของชาติสมาชิก สร้างความแข็งแกร่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกัน
นอกจากกลยุทธ์ในการสร้างไทยเป็นแหล่งจัดประชุมที่สำคัญของโลกแล้ว อีกมิติหนึ่งของการท่องเที่ยวคือ ภารกิจสร้างประเทศไทยเป็น Wedding Hub หรือสถานที่จัดงานแต่งงานและฮันนีมูน จากข้อมูลจากการสัมมนาในงาน DWP 2017 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็น Wedding Destination ที่สำคัญ ได้แก่ อันดับ 1 ใน Top Destination สำหรับเอเชีย อันดับ 3 สำหรับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อันดับ 6 สำหรับยุโรป อันดับ 3 ใน Emerging Destination สำหรับตะวันออกกลาง และอันดับ 1 ใน Emerging Destination สำหรับแอฟริกา
จากสถิติปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวมาแต่งงานและฮันนีมูนในประเทศไทย ประมาณ 1.1 ล้านคน สร้างรายได้ ประมาณ 50,000 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายต่อการแต่งงานประมาณ 5-20 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับจำนวนญาติพี่น้องและแขกที่ตามมาร่วมงาน เพราะสามารถกระจายรายได้สู่ชุมชน เช่น ของที่ระลึกที่มาจากท้องถิ่นและมีเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมทั้งอาหารไทยที่นำมาจัดเลี้ยงในงานซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก
"เราตั้งเป้าว่าจะทำให้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวในกลุ่ม Wedding Hub นี้เติบโตเป็น 10% ในอนาคตทั้งในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ โดยมีแผนจะขยายตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวอินเดีย ยุโรป และจีน...มีข้อมูลว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คนจีนประมาณ 30-40% ของประชากรจะเข้าสู่โหมดของการแต่งงาน เราก็กำลังคิดอยู่ว่าทำอย่างไรที่จะดึงคนจีนกลุ่มนี้เข้ามาจัดงานแต่งงานในประเทศไทย ซึ่งอยากให้ติด 1 ใน 5 ของตลาด Wedding Hub ในอนาคต"
นอกจากนี้ ได้เตรียมการตั้งคณะทำงาน สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ Sport Accord Convention 2018 งานสัมนาด้านกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีประธานสหพันธ์กีฬาต่าง ๆ กว่า 100 สหพันธ์ และผู้บริหารสหพันธ์กีฬาจากทั่วโลก พร้อมครอบครัว กว่า 5,000 คน เข้าร่วมประชุม นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในหลายด้านสามารถกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น ทำให้เกิดการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและกีฬาได้อีกมากมาย
ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด จากการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 2 พ.ค.60 อนุมัติให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงนามความตกลงว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy ครั้งที่ 4 ระหว่างรัฐบาลไทยและองค์การท่องเที่ยวโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน มิ.ย.61 โดยตนจะเป็นผู้แทนจากประเทศไทยร่วมลงนามความตกลงดังกล่าว ในวันที่ 8 พ.ค.60 และ ในวันที่ 10 พ.ค.60 จะขึ้นเป็นวิทยากรร่วมกับวิทยากรจาก UNWTO ในเรื่องที่เกี่ยวกับ Sustainable Urban Tourism ณ ประเทศสเปน