ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) (ICBCT) มั่นใจสินเชื่อปีนี้โตตามเป้าหมาย 10-15% หลังเห็นสัญญาณการลงทุนโดยตรงจากจีนและฮ่องกงต่อเนื่อง ชี้แผนพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งสำคัญดึงดูดนักลงทุนจากจีนมาไทยมากขึ้น ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีทำได้ตามเป้าหมายมีกำไรสุทธิเติบโต 3% หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่ำสุดในระบบธนาคารที่ 1.36%
นายจื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการ ICBCT กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/60 ของธนาคารเติบโตเป็นที่น่าพอใจ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือเติบโต 3% จากไตรมาส 1/59 ขณะที่สินทรัพย์รวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 6% จากปลายปี 59 ที่มีสินทรัพย์รวมที่ 1.86 แสนล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากทั้งเงินลงทุน และเงินให้สินเชื่อ
ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 3% หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3.6 พันล้านบาท การขยายตัวของสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจเพื่อสนับสนุนการลงทุนของนักธุรกิจจีนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่เงินรับฝากจากประชาชน เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี 59 ที่มีเงินฝากคงค้าง 9.2 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากนั้น ธนาคารยังมีความได้เปรียบได้การจัดหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเครือข่ายของกลุ่มธนาคารไอซีบีซีที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเพียงพอต่อการเติบโตของสินเชื่อที่วางไว้
นายหลี่ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 60 ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยธนาคารคาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้จะสามารถขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ 3-4% บนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาโครงสร้าง ตลอดจนแผนพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่นับเป็นหนึ่งในโอกาสธุรกิจสำหรับธนาคาร ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนประเทศจีนและฮ่องกงจะยังมีต่อเนื่อง
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศในปี 60 ธนาคารมีเป้าหมายเติบโตสินเชื่อที่ 10-15% โดยธนาคารยังคงเดินตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าสินเชื่อขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจจีน ซึ่งปัจจุบันเข้ามามีบทบาทในการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการเงินลงทุนโดยตรงจากจีนและฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแผน EEC จะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากประเทศจีนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น เชื่อว่า ในปี 60 ธนาคารจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ธนาคารกำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปี 60 เพื่อสนับสนุนการเติบโตสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การขยายฐานลูกค้าบรรษัทด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบถ้วน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีในประเทศไทย เน้นกลุ่มลูกค้าจีนที่มีความสนใจลงทุนในประเทศไทย พร้อมกันกับช่วยเพิ่มปริมาณการค้าการส่งออกของสองประเทศ
พัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินในกลุ่ม EFF (Equipment Fleet Financing) รวมถึงการขยายสินเชื่อรถใหม่ ผ่านบริษัทลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขยายฐานลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับอัพเกรดธุรกิจบัตรและดิจิตัล แบงก์กิ้ง เพื่อสอดรับกับความต้องการในรูปแบบใหม่ของลูกค้า ให้ความสำคัญกับธุรกิจบัตรและอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง รวมถึงขยายฐานลูกค้ากลุ่มเงินเดือน และการขายข้ามผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) และ ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกแรกสำหรับลูกค้าในการรับชำระเงินหยวน จากบทบาทของการเป็นธนาคารรับชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทย
“แม้ธนาคารจะมีเป้าหมายเติบโตในระดับสองหลัก เรายังคงรักษานโยบายการบริหารความเสี่ยงด้วยการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ดังจะเห็นได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ร้อยละ 1.36 ลดลงจาก 1.49% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งระบบ" ประธานกรรมการธนาคาร ICBCT กล่าว
นายหลี่ กล่าวว่า แม้ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป การแข่งขันจากธนาคารด้วยกันเอง และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก แต่ด้วยการบริหารจัดการอย่างรัดกุม และการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งของไอซีบีซี ประเทศจีน ไอซีบีซี (ไทย) เชื่อมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปี 60 นี้ และตอกย้ำการเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีคุณค่าในประเทศไทยและเป็นสถาบันการเงินเชื่อมเศรษฐกิจไทย-จีน
อนึ่ง ในปี 59 ธนาคาร ICBCT มีกำไรสุทธิ 1,470 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 58 ที่มีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ 186 แสนล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่ 183 แสนล้านบาท สินเชื่อและเงินลงทุนเติบโตเล็กน้อยมาอยู่ที่ 182 แสนล้านบาท และเงินฝากเติบโตจาก 8.6 หมื่นล้านบาทมาอยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านบาท การเติบโตที่แข็งแกร่งของสินทรัพย์เป็นผลจากทุกๆ ธุรกิจของธนาคาร รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อให้กับกลุ่มทีซีซีในการซื้อกิจการบิ๊กซี ประเทศไทย
ทั้งนี้ จำนวนลูกค้าบรรษัท ณ สิ้นปี 59 อยู่ที่ 3,545 ราย เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่ 3,491 ราย ด้านลูกค้ารายย่อย ธนาคารมีฐานลูกค้าทั้งสิ้น 162,757 ราย เพิ่มจาก 157,799 รายจากปีก่อนหน้า
ขณะที่ความสามารถในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจาก 1.56% มาอยู่ที่ 1.49% ณ สิ้นปี 59 และทำให้อัตราส่วนเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญทั้งสิ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) สูงที่สุดในระบบด้วยตัวเลข 294% จาก 189% ในปี 58