ที่ประชุมกบส. เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ฉบับที่ 3-ให้ตั้งหน่วยงานรองรับ NSW

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 4, 2017 17:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการและขนส่งสินค้า (กบส.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560-2564) เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการค้า การบริการและการลงทุนในภูมิภาค และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการในการเก็บเกี่ยวมูลค่าเพิ่มจากโซ่อุปทานและการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการบริหารจัดการโลจิสิตกส์ การยกระดับการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้ได้มาตรฐานสากล และการพัฒนาปัจจัยสนับสนุน อาทิ การพัฒนาบุคลากร การสร้างเครือข่ายความร่วมมือภาคเอกชน การติดตามประเมินผลการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยมอบให้ สศช.รับความเห็นจากที่ประชุมไปปรับปรุงร่างแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ฯ ฉบับที่ 3 เพิ่มเติม ได้แก่ การสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าในเส้นทางที่สำคัญในภูมิภาคโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV และความเชื่อมโยงกับจีน รวมทั้งให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์ของระบบ E-Commerce และให้นำเสนอตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับทราบผลการดำเนินงานการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ 1.ด้านการเกษตร ปี 2559 สามารถสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างสหกรณ์จังหวัด 10,458 แห่ง พัฒนาด่านสินค้า 7 แห่ง และพัฒนาความรู้การใช้เครื่องจักรกล 3,000 คน ปี 2560 มีแผนการดำเนินงานการพัฒนาโครงสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวก การพัฒนาเครือข่ายและสร้างโซ่คุณค่าและการเชื่อมโยงข้อมูลทางการค้าและบริการสินค้าเกษตร รวมทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคการเกษตร ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564)

2.ด้านอุตสาหกรรม ปี 2559 สามารถพัฒนาสถานประกอบการ 319 ราย ลดต้นทุนโลจิสติกส์อุตสาหกรรม 2,940 ล้านบาท และพัฒนาบุคลากร 6,075 คน ปี 2560 มีแผนการดำเนินการพัฒนาสถานประกอบการ บุคลากร และการลดต้นทุนโลจิสติกส์ รวมทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2564) และ 3.การเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ (NSW) สามารถเชื่อมโยงข้อมูลผ่านพิธีการศุลกากรระหว่างกรมศุลกากรและผู้ประกอบการได้ 100% รวม 36 หน่วยงาน และสามารถดำเนินการโครงการนำร่อง ASW เชื่อมโยงข้อมูลรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียน (ATIGA FORM D)

โดยที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการและพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) โดยมีกลไกการบริหารงานภายใต้คณะกรรมการ กบส. ในรูปแบบคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ NSW และมอบหมายให้กรมศุลกากรรับไปดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาระบบงานแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเพื่อให้การพัฒนาระบบ NSW มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ เป็นมาตรฐานสากลรองรับการพัฒนาสอดคล้องกับเงื่อนไขและการจัดอันดับมาตรฐานทางการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังรับทราบความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากระจายการลงทุนระบบขนส่งคมนาคมระบบถนนและรางในภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก เป็นต้น เร่งรัดการดำเนินการโครงการรถไฟทางคู่ที่จะกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน พิจารณากำหนดการลงทุนพัฒนาสนามบินใหม่ให้ชัดเจนเพื่อจูงใจให้เอกชนเข้ามาลงทุนหรือร่วมลงทุนรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า พัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินในแนวสูงให้เกิดความคุ้มค่ากับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและทางรางให้มีประสิทธิภาพ ผลักดันการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในลักษณะTransshipment Port

สำหรับการติดตามประเมินผลปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้ายุทธศาสตร์ (น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย) ที่ประชุมฯ มอบให้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะอนุกรรมการพัฒนานโยบายและกำกับดูแลระบบ NSW ที่จะจัดตั้งขึ้น และให้ ก.พ.ร.นำข้อเสนอแนะการปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานภาครัฐฯ กำหนดเป็นตัวชี้วัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถลดขั้นตอนการกระบวนการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ของประเทศเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์และไร้เอกสาร รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องและงบประมาณสนับสนุนเพื่อเสนอคณะกรรมการ กบส. ต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ