รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (5 พ.ค.) ธปท.และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในฐานะตัวแทนของกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ได้ลงนามในความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 4 ซึ่งภายใต้ความตกลงนี้ธนาคารกลางทั้งสองประเทศสามารถทำการแลกเปลี่ยน (Swap) สกุลเงินประเทศของตน (ได้แก่ บาทหรือเยน) เป็นดอลลาร์ สรอ. ได้โดยมีวงเงินสูงสุด 3,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น และ ธปท.เห็นว่าความตกลงดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและเสถียรภาพตลาดการเงิน ตลอดจนสนับสนุนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธปท. เปิดเผยว่า นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท.และ Mr. Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้ร่วมลงนามในความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราฉบับที่ 4 ระหว่าง ธปท.และกระทรวงการคลังญี่ปุ่น โดยมีธนาคารกลางญี่ปุ่นเป็นตัวแทนเข้าทำสัญญา เมื่อวันที่ 5 พ.ค.60 โดยมีวงเงินความช่วยเหลือสูงสุด 3,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.
ความตกลงฯ ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกให้ความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างกัน โดยการแลกเปลี่ยนสกุลเงินประเทศของตน (ได้แก่ บาทหรือเยน) เป็นดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรณีที่ประเทศใดประเทศหนึ่งประสบปัญหาดุลการชำระเงินหรือขาดสภาพคล่องในระยะสั้น ซึ่งกลไกนี้เป็นส่วนเสริมความช่วยเหลือด้านการเงินที่ได้รับจากมาตรการริเริ่มเชียงใหม่พหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM)
นอกจากนี้ ความตกลงฯ นี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือและเสถียรภาพตลาดการเงิน ตลอดจนสนับสนุนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยและญี่ปุ่น อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมบทบาทของไทยในเวทีความร่วมมือทางการเงินในภูมิภาคด้วย โดยจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลาสามปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา
สำหรับกลไกการแลกเปลี่ยนเงินดังกล่าวถือเป็นการเตรียมความพร้อมทางด้านเครื่องมือ (Safety Net) ส่วนการจะใช้จริงก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งฐานะทางเศรษฐกิจปัจจุบันประเทศไทยไม่มีความจำเป็นต้องใช้กลไกนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจมีความมั่นคง เสถียรภาพด้านต่างประเทศแข็งแกร่ง ฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ในระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค.60 อยู่ที่ 180.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.