นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นางแคร์รี แลม (Carrier Lam) ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกง และจะเข้าพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้นั้น น่าที่จะเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการไทยในการขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และนวัตกรรม กับผู้ประกอบการฮ่องกง ได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมานโยบายของนางแคร์รี แลม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสวัสดิการสังคม การยกระดับที่อยู่อาศัย การศึกษา ผู้สูงอายุ การเพิ่มขีดความสามารถของ SME และกลุ่ม Start Up เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต ตลอดจนการลงทุนสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและให้ความสำคัญกับการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสของผู้ประกอบการไทยในฮ่องกงยังเปิดกว้างอีกมากจากนโยบายของนางแคร์รี แลม เริ่มตั้งแต่นโยบายด้านการค้า โดยเมื่อต้นปี 2560 รัฐบาลฮ่องกงได้ตั้งงบประมาณช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ซึ่งมีสัดส่วนธุรกิจในฮ่องกงสูงถึงร้อยละ 80 เป็นจำนวนเงินกว่า 35.1 พันล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อลดภาษีรายได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาสูงถึงร้อยละ 75 หรือไม่เกิน 20,000 เหรียญฮ่องกง ให้แก่ SME และพนักงานของบริษัทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคของฮ่องกงมีกำลังการซื้อสูงขึ้น สามารถนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงไทยได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลฮ่องกงยังได้สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจ Start Up มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ได้ตั้งงบประมาณ เพื่อสนับสนุนธุรกิจดังกล่าวสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญฮ่องกง สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ของไทย ที่เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจ ซึ่งหากทั้ง 2 ประเทศได้มีโอกาสพัฒนาร่วมกันจะทำให้ไทยมีโอกาสขยายธุรกิจเข้าสู่จีนมากขึ้น และในทางกลับกันฮ่องกงก็สามารถใช้ไทยเป็นฐานการขยายสู่อาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย
“นอกจากโอกาสด้านการค้าแล้วในด้านการลงทุนจะพบว่าฮ่องกงมีนโยบายขยายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคต่างๆโดยเฉพาะในอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากอาเซียนมีทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก และเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้สภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council : HKTDC) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุนของฮ่องกงกับต่างประเทศ ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการฮ่องกงขยายการลงทุนสู่อาเซียน โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทยซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสดังกล่าวในการหาพันธมิตรที่จะเอื้อประโยชน์ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการกระจายสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนกับฮ่องกงอย่างเต็มที่" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 นี้ (ม.ค.-มี.ค.) ฮ่องกงเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 7 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 3,647 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 3,137 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.4 โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น และการนำเข้า มูลค่า 510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 54.7 โดยมีสินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องประดับอัญมณี เป็นต้น