นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับคณะผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม ซึ่งได้แก่ องค์การต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) และกรมบัญชีกลาง ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) 489 คัน และรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) จำนวน 200 คันว่า TOR ของโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV มีความครบถ้วนไม่จำเป็นต้องปรับแก้แล้ว โดยคณะผู้สังเกตการณ์ฯ ขอเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในส่วนของกระบวนการและวิธีการจัดหา เพื่อให้เป็นไปอย่างรอบคอบและมีรูปธรรมต่อไป
ขณะนี้ ขสมก.ได้นำร่าง TOR ดังกล่าวประกาศลงในเว็บไซต์เพื่อเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ซึ่งจะสิ้นสุดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 8 พ.ค.60 หากมีข้อท้วงติง ขสมก.จะทำการปรับปรุงและประกาศลงเว็บไซต์ครั้งที่ 2 อีก 3 วันก่อนจะสรุปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก.ในวันที่ 31 พ.ค.60 และจัดการประมูลให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.หรือต้นเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งตามแผนของ ขสมก.กำหนดรับมอบรถเมล์ NGV ครบ 489 คันภายในวันที่ 31 ต.ค.60
ส่วนโครงการจัดซื้อรถ EV จำนวน 200 คันนั้น คณะผู้สังเกตการณ์ฯ ขอให้ ขสมก.พิจารณาราคากลางอีกครั้ง โดยขอให้แยกรายการและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ชัดเจน พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ และการซ่อมบำรุง วิธีการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่ง ขสมก. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ และคณะผู้สังเกตการณ์ฯ จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปให้เป็นแนวทางเดียวกันอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ค.นี้ โดยกำหนดการรับมอบรถ EV ล็อตแรก 50 คัน คือ ภายในเดือน ธ.ค.60
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนธุรกิจเพื่อฟื้นฟูกิจการ โดยมีแผนจัดซื้อรถใหม่และปลดระวางรถเก่า, ติดตั้งระบบ GPS, ติดตั้งระบบ E-Ticket , พัฒนาอู่ 2 แห่งเชิงพาณิชย์ คือ เขตเดินรถบางเขนและมีนบุรี ซึ่งหากทำได้ตามแผนเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อระบบการเงินและกิจการให้ดีขึ้น เพราะการเปลี่ยนรถใหม่จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลง ช่วยให้มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการดีขึ้น ใช้บุคลากรลดลง โดยปี 65 จะเสนอโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด (เออร์ลี่รีไทร์) พนักงานเก็บค่าโดยสาร และจะมีโครงการส่งเสริมให้พนักงานเก็บค่าโดยสารไปเรียนขับรถ เพื่อปรับมาเป็นพนักงานขับรถ ซึ่งปัจจุบันขาดแคลนมาก
สำหรับแผนงานในช่วง 5 ปี (60-64) จะมีการจัดซื้อรถใหม่จำนวน 3,450 คัน ปลดระวางระเก่า 2,753 คัน แบ่งเป็นปี 60 จัดหารถใหม่จำนวน 689 คัน (รถ NGV 489 คัน รถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน), ปี 61 จัดหารถใหม่จำนวน 700 คัน ปลดระวางรถเก่า 501 คัน, ปี 62 จัดหารถใหม่จำนวน 600 คัน ปลดระวางรถเก่า 624 คัน, ปี 63 จัดหารถใหม่จำนวน 700 คัน ปลดระวางรถเก่า 699 คัน และปี 64 จัดหารถใหม่จำนวน 761 คัน ปลดระวางรถเก่า 852 คัน
ปัจจุบัน ขสมก.มีกระแสเงินสดติดลบเฉลี่ย 30 กว่าล้านบาท/เดือนในปี 59 ขาดทุนสุทธิ 3,000 กว่าล้านบาท มียอดขาดทุนสะสม 103,000 กว่าล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าในปี 65 ขสมก.จะเริ่มมีกำไรสุทธิจากการบริหารงาน