นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่นายเอมานูเอล มาครอง จากพรรคก้าวหน้า ชนะนางมารีน เลอแปน คู่แข่งอดีตหัวหน้าพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ด้วยคะแนนเสียงกว่าร้อยละ 60 โดยนายมาครองมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฝรั่งเศสหลายประการ อาทิ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ การลดขั้นตอนการเลิกจ้างพนักงาน การลดภาษีนิติบุคคลซึ่งช่วยส่งเสริมการลงทุนและการจ้างงานในประเทศมากขึ้น ด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศนั้นยังคงเหมือนเดิมจึงไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยมากนัก
"การชนะการเลือกตั้งของนายมาครองในครั้งนี้จะส่งผลให้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสขยายตัวเพิ่มขึ้น นโยบายของนายมาครองจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก จึงยังไม่มีความชัดเจนด้านนโยบายต่างประเทศ ทำให้ไม่น่าส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยไปยังฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามการลงทุนของต่างชาติในฝรั่งเศสอาจประสบความยุ่งยาก เนื่องจากนายมาครองสนับสนุนการป้องกันชาวต่างชาติเข้ามาซื้อกิจการของสหภาพยุโรป เพื่อปกป้องความรู้และทรัพย์สินทางปัญญา" นางมาลี กล่าว
สำหรับนายเอมานูเอล มาครอง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจฝรั่งเศส ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ มีจุดยืนในการเดินทางสายกลาง และหวังสร้างความสมานฉันท์ในฝรั่งเศสและสหภาพยุโรป นโยบายสำคัญของนายมาครอง ได้แก่ การลดการขาดดุลงบประมาณ การลดรายจ่ายภาครัฐ การสนับสนุนให้แก้ไขกฎระเบียบและขั้นตอนการเลิกจ้างพนักงานให้ง่ายขึ้น และการเลิกจ้างข้าราชการหลายหมื่นตำแหน่ง โดยนำงบประมาณดังกล่าวไปกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานทดแทน การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการเพิ่มสวัสดิการสังคม
ขณะที่นโยบายนายมาครองด้านการรักษาความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรป ประกอบด้วย การคงสถานภาพสมาชิกสหภาพยุโรป และร่วมมือกับสหภาพยุโรปมากขึ้นในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนข้อตกลงเขตการค้าเสรีแคนาดา-สหภาพยุโรป (CETA) ซึ่งนายมาครองเป็นผู้สมัครรายเดียวที่สนับสนุนข้อตกลงนี้ นอกจากนี้ นายมาครองจะสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซียโดยมีเงื่อนไขว่ารัสเซียต้องปฏิบัติตามข้อตกลงมินสก์ (The Minsk Agreement) ซึ่งเป็นสัญญาสงบศึกระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งสนับสนุนให้ฝรั่งเศสรับผู้ลี้ภัยมากขึ้น
ขณะที่ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับที่ 3 ของสหภาพยุโรป รองจากเยอรมนีและสหราชอาณาจักร คาดว่าในปี 2560 เศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะเติบโตร้อยละ 1.4 ในปี 2559 ไทยส่งออกสินค้าไปฝรั่งเศสมูลค่ารวม 1,553.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.02 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.7 ของการส่งออกของไทยไปทั่วโลก และในปี 2560 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกสินค้าไปฝรั่งเศสมูลค่า 389 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.54 สินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เลนส์ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ